MAJOR เล็งโตทุกไตรมาส หนังใหม่ต่อคิวลงจอเพียบ

#MAJOR #ทันหุ้น – MAJOR ปลื้ม “สติทช์” กวาดรายได้ราว 100 ล้านบาท หนุนผลงานไตรมาส 2/2568 โตแกร่ง แถมยังมีภาพยนตร์แม่เหล็กจากฮอลีวูดต่อคิวลงจอเพียบ อาทิ จูราสสิคเวิลด์ ซุปเปอร์แมน สเมิร์ฟ แฟนทาสติก4 คาดทยอยเข้าฉายตลอดไตรมาส 3/2568 ต่อด้วยภาพยนตร์ไทยภาคต่อที่น่าติดตามในไตรมาส 4/2568 หนุนรายได้จำหน่ายตั๋วภาพยนตร์-รายได้กลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่โรงภาพยนต์พุ่ง ย้ำสถานการณ์ไทย-กัมพูชาไม่กระทบ
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เปิดเผยว่า งวดไตรมาส 2/2568 มีภาพยนตร์ชั้นนำจากฮอลีวูด 5 เรื่องที่ทำรายได้สูงประกอบด้วย Lilo & Stitchทำรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ที่ราว 132 ล้านบาท, Mission: Impossible ทำรายได้ ราว 66 ล้านบาท, พระแท้คนเก้ ทำรายได้ราว 65 ล้านบาท, A Mine Craft Movie ทำรายได้ราว 62 ล้านบาท และ Thunderbolts ทำรายได้ราว 58 ล้านบาท ขณะที่และยังมีภาพยนตร์น่าสนใจเข้าฉายตลอดช่วงเดือนมิถุนายน 2568 เช่น อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร และ F1 The Movie ซึ่งภาพยนตร์ต่างประเทศที่น่าสนใจจะกระตุ้นยอดขายป๊อบคอร์นหน้าโรงภาพยนตร์ประเภท Bucket ที่ระลึกให้เร่งตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ
พร้อมกันนี้ การจำหน่ายป๊อบคอร์นนอกโรงภาพยนตร์ทั้งจุดคีออส และช่องทางจัดจำหน่ายอื่นๆ ก็ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะก็มีรายได้เติบโตแข็งแกร่งจากทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป และการจัดงานอีเวนต์, กิจกรรมการตลาดต่างๆ จึงคาดว่ารายได้รวมงวดไตรมาส 2/2568 มีแนวโน้มเติบโตได้เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1/2568 (QoQ) ที่ผ่านมา
*รายได้ครึ่งปีหลังโตดี
สำหรับภาพยนตร์ฮอลีวูดที่มีกำหนดเข้าฉายต่อเนื่องในงวดไตรมาส 3/2568 อาทิ จูราสสิคเวิลด์, ซุปเปอร์แมน, สเมิร์ฟ, แฟนทาสติก 4 รวมถึงภาพยนตร์ไทย เรื่องหอแต๋วแตก ส่วนในงวดไตรมาส 4/268 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ซึ่งจะมีภาพยนตร์ไทยภาคต่อที่น่าสนใจเข้าฉายต่อเนื่อง อาทิ ธี่หยด 3, อนงค์, อีเรียมซิ่ง 2, เสือ, มือปืน, บุปผาราตรี และภาพยนตร์ฮอลีวูด เช่น Avatar, Tron ซึ่งคาดว่าจะยังคงกระตุ้นยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ และ Bucket ป๊อบคอร์น และแก้วน้ำที่ระลึกให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ YoY จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 จะบรรลุเป้าหมายยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ที่ 40 ล้านใบ
*ปัญหาไทย-กัมพูชาไม่กระทบ
ทั้งนี้จากการติดตามผลกระทบจากสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างไทย – กัมพูชาตลอดช่วงที่ผ่านมา พบว่าในทำเลที่ตั้งโรงภาพยนตร์ได้รับผลกระทบในกรอบจำกัด ประชาชนยังคงจับจ่ายใช้สอยร่วมกับครอบครัวช่วงวันเทศกาลและวันหยุดตามปกติ
ประกอบกับบริษัทใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการสัดส่วนภาพยนตร์ที่หลากหลายทั้งภาพยนตร์จากฮอลีวูด ภาพยนตร์ไทยชั้นนำ ภาพยนตร์กัมพูชา รวมถึงภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาสำหรับกลุ่มเฉพาะเจาะจง อาทิ การ์ตูนแอนิเมชัน ภาพยนตร์อินโดนีเซีย - ฟิลิปปินส์ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกช่วงวัย โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีรายได้จากกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนราว 4% ของรายได้รวม จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 นี้จะยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
*แนะซื้อเป้า 12.80 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง MAJOR ว่า คาดการณ์ไตรมาส 2/2568 มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQตามหน้าหนังที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ แต่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง YoY จากฐานสูง และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/2568 ตามคุณภาพภาพยนตร์ที่เข้าฉาย และไปลุ้นต่อในไตรมาส 4/2568 ที่มีภาพยนตร์คุณภาพทั้งภาพยนตร์ไทย – ภาพยนตร์ฮอลีวูดเข้าฉาย
ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามสถานการณ์กรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่แม้จะคลี่คลายลงแต่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ซึ่งจากการสอบถามไปยังMAJOR พบว่าโรงภาพยนตร์ทั้งหมดในกัมพูชายังเปิดให้บริการเป็นปกติ และยังไม่ได้เห็นผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยจากรายงานงบฯ ปี 2567 พบว่ารายได้จากกัมพูชาคิดเป็นราว 5% ของรายได้รวมที่ 7,767 ล้านบาท ดังนั้นหากเกิดสถานการณ์ใดๆ ผลกระทบก็ยังไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 606 ล้านบาทลดลง 18.6% YoY คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 12.80 บาท พร้อมคาดอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 5.6%
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
