ช่องสะงำพร้อมรับสถานการณ์กัมพูชาปิดด่าน ชี้กระทบปชช.ทั้ง 2 ฝั่ง

ภายหลังจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาจะดำเนินการปิดด่านช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลกากรช่องสะงำ เปิดเผยว่า ทางศุลกากรได้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น แม้ยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งอย่างเป็นทางการจากฝ่ายไทย ไม่ว่าจะจากจังหวัดศรีสะเกษหรือจากกองทัพ
นายประสิทธิ์กล่าวว่า หากมีการปิดด่านถาวรช่องสะงำจริง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าชายแดนแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของกัมพูชา ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทยเป็นหลัก ในขณะที่ไทยส่งออกสินค้าไปยังฝั่งกัมพูชามากกว่าการนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น มันสำปะหลัง ซึ่งตั้งแต่มีการปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน การนำเข้ามันสำปะหลังได้หยุดลงโดยสิ้นเชิง เนื่องจากความเข้มงวดในการตรวจสอบและข้อจำกัดด้านเวลา รถบรรทุกไม่กล้าข้ามฝั่ง เพราะกังวลจะกลับมาไม่ทันเวลาปิดด่าน
สำหรับการเปิด-ปิดด่านถาวรช่องสะงำ ยังคงใช้ประกาศเดิม คือเปิดเฉพาะวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 15.00 น. การเดินทางข้ามแดนต้องใช้หนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรผ่านแดน (Border Pass) โดยมีข้อจำกัดในการส่งออกสินค้าตามกฎหมาย เช่น ห้ามส่งออกยุทธภัณฑ์ ปูนซีเมนต์ ยานพาหนะ และต้องดำเนินการด้านมนุษยธรรมภายใต้หลักสากล รวมถึงให้ปิดด่านทันทีในกรณีเกิดการปะทะบริเวณชายแดน
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ออกหนังสือแจ้งไปยังหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ว่าจังหวัดได้รับการแจ้งเตือนจากหน่วยประสานงานชายแดนไทย–กัมพูชา ประจำพื้นที่ 1 ว่า จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการมายังฝ่ายไทย แจ้งปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องจับโกกี (ตรงข้ามด่านสายตะกู จ.บุรีรัมย์) และจุดผ่านแดนช่องจวม (ตรงข้ามช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ) มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจในพื้นที่และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะฝั่งกัมพูชาที่ต้องพึ่งพาสินค้าจากประเทศไทยในชีวิตประจำวันอย่างมาก