รีเซต

คุก10ปีเจ้าสาวไอเอส ปล่อยเด็กหญิงยาซิดีถูกล่ามตากแดดตายทุรน

คุก10ปีเจ้าสาวไอเอส ปล่อยเด็กหญิงยาซิดีถูกล่ามตากแดดตายทุรน
ข่าวสด
25 ตุลาคม 2564 ( 23:53 )
77
คุก10ปีเจ้าสาวไอเอส ปล่อยเด็กหญิงยาซิดีถูกล่ามตากแดดตายทุรน

คุก10ปีเจ้าสาวไอเอส - วันที่ 25 ต.ค. ฟรานซ์24รายงานว่า ศาลนครมิวนิก ประเทศเยอรมนี พิพากษาจำคุก 10 ปี นางเจนนิเฟอร์ วีนิช อายุ 30 ปี สัญชาติเยอรมัน ซึ่งเดินทางไปเข้าร่วมกับกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส และปล่อยให้เด็กหญิงชาวยาซิดีเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา

 

การตัดสินดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของโลกที่อาชญากรรมของไอเอสต่อชาวยาซิดี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยพูดภาษาชาวเคิร์ดอาศัยอยู่ในภาคเหนือของประเทศอิรักได้รับการพิพากษาโทษ

 

ฝ่ายอัยการผู้รับผิดชอบคดี ระบุว่า นางวีนิช และสามีซึ่งเป็นนักรบไอเอส ซื้อหญิงชาวยาซิดีมาพร้อมลูกสาวเพื่อใช้เป็นทาสแรงงาน โดยทั้งคู่กักขังแม่ลูกคู่นี้ไว้ระหว่างที่ไอเอสครอบครองพื้นที่เมืองโมซุลในอิรักเมื่อปี 2558

 

อัยการ ระบุว่า เมื่อเด็กหญิงล้มป่วยลงและปัสสาวะเลอะที่นอนทำให้สามีของนางวีนิชนำตัวเด็กหญิงไปล่ามโซ่ไว้กลางแจ้งเพื่อลงโทษ และปล่อยให้เด็กตากแดดจนขายใจตายจากภาวะช็อกเพราะขาดน้ำท่ามกลางอุณหภูมิร้อนระอุ นางวีนิชปล่อยให้สามีก่อเหตุและไม่ช่วยเหลือเด็ก

 

ด้านสามีของนางวีนิช ทราบชื่อว่า นายทาฮา อัล-จูไมล์ลี อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีที่นครแฟรงเฟิร์ต ซึ่งจะถูกพิพากษาในเดือนพ.ย.นี้ ขณะที่แม่ของเด็กที่เสียชีวิต ทราบชื่อเพียงว่า โนร่า คอยเดินทางไปเป็นพยานทั้งในศาลที่มิวนิกและแฟรงเฟิร์ต

อย่างไรก็ดี ทนายความของนางวีนิช โต้แย้งว่า คำให้การของนางโนร่านั้นเชื่อถือได้ยาก เพราะไม่มีหลักฐานว่าเด็กเสียชีวิตจริงหรือไม่ และขอให้ศาลพิจารณาลงโทษเฉพาะที่นางวีนิชเดินทางไปร่วมกับไอเอส ซึ่งจะเหลือเพียงโทษจำคุก 2 ปี

นางวีนิช ระบุว่า สาเหตุที่ตนไม่ได้ช่วยเหลือเด็ก เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกสามีทำร้ายและนำไปตัวไปขัง และว่าตนรู้สึกเหมือนต้องมาเป็นแพะรับบาปแทนทุกๆ อาชญากรรมที่ไอเอสเคยก่อไว้

รายงานระบุว่า นางวีนิช เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามในปี 2556 และเดินทางไปยังตุรกีแล้วข้าสมพรมแดนไปเข้าร่วมกับไอเอสในซีเรียและอิรักในปีถัดมา กระทั่งได้รับเลือกเป็นหน่วยบังคับวินัยของไอเอสในปี 2558 มีหน้าที่คอยลาดตระเวนเมืองฟัลลูจาห์ และโมซุล

นางวีนิช มีอาวุธเป็นปืนเอเค-47 ปืนพก และระเบิดพลีชีพ มีหน้าที่สอดส่องและบังคับให้ทุกคนทำตามข้อบังคับของไอเอส เช่น การแต่งกาย ไปจนถึงการห้ามสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มมึนเมา

ต่อมาในปี 2559 นางวีนิช เดินทางกลับมาที่กรุงอังการา ประเทศตุรกี เพื่อทำธุระที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมัน โดยขอยื่นเรื่องปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์ แต่ถูกตำรวจเข้าจับกุมหลังเดินทางออกจาสถานทูตและส่งตัวกลับเยอรมนี

กระบวนการดำเนินคดีต่อนางวีนิชซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนเม.ย. 2562 นับเป็นตัวอย่างกระบวนการยุติธรรมครั้งแรกในโลกต่ออาชญากรรมของไอเอสที่กระทำต่อชาวยาซิดี นับตั้งแต่ชาวพื้นเมืองยาซิดีถูกนักรบไอเอสเข้ากดขี่ย่ำยีอย่างจำเพาะเจาะจงตั้งแต่ปี 2558

คดีดังกล่าวของแม่และเด็กหญิงชาวยาซิดีนั้นมี นายอามัล คลูนีย์ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นหัวหน้าทีม และเป็นทีมที่เรียกร้องให้อาชญากรรมของไอเอสต่อชาวยาซิดีนั้นเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ทั้งนี้ ศาลเยอรมันเคยพิพากษาโทษบุคคลที่เป็นชาวเยอรมันและชาวต่างชาติเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติมาอย่างต่อเนื่องโดยถือหลัก "เขตอำนาจตามหลักสากล" ซึ่งกำหนดให้ทุกประเทศมีเขตอำนาจเหนือการกระทำอาชญากรรมบางอย่างที่เป็นอาชญากรรมต่อประชาคมระหว่างประเทศทั้งมวล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง