รีเซต

เปิดรายชื่อ 10 ประเทศเจ้าหนี้ - คู่ค้า "กัมพูชา" มีไทยติดอันดับ

เปิดรายชื่อ 10 ประเทศเจ้าหนี้ - คู่ค้า "กัมพูชา"  มีไทยติดอันดับ
TNN ช่อง16
28 มิถุนายน 2568 ( 08:00 )
11

กรมความร่วมมือระหว่างประเทศและการบริหารหนี้สินของกัมพูชา (Department of International Cooperation and Debt Management - GDICDM) เปิดเผยข้อมูลว่า ไตรมาสแรกของปี 2568 (Q1 2025) หนี้สาธารณะทั้งหมดของกัมพูชาอยู่ที่ 12.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 99.96% ของหนี้ดังกล่าว เป็นหนี้ต่างประเทศ (external debt)


10 ประเทศ "เจ้าหนี้"


เปิด 10 ประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ของประเทศกัมพูชา ไตรมาสแรก 2568


จีน :  3.981 พันล้านดอลลาร์

ADB (ธนาคารพัฒนาเอเชีย) : 2.581 พันล้านดอลลาร์

ธนาคารโลก : 1.720 พันล้านดอลลาร์

ญี่ปุ่น : 1.328 พันล้านดอลลาร์

เกาหลีใต้ : 689 ล้านดอลลาร์

ฝรั่งเศส : 686 ล้านดอลลาร์

IFAD : 170 ล้านดอลลาร์

AIIB : 53.9 ล้านดอลลาร์

ประเทศไทย : 53.15 ล้านดอลลาร์ ( 1.724 พันล้านบาท)  ** 

เยอรมนี : 15 ล้านดอลลาร์

เวียดนาม : 7.29 ล้านดอลลาร์

อินเดีย : 6.38 ล้านดอลลาร์


ที่มา : Department of International Cooperation and Debt Management - GDICDM



ข้อมูลจากกรมศุลกากร และสรรพสามิตแห่งประเทศกัมพูชา เปิดเผยสถิติการนำเข้าสินค้าจาก 20 ประเทศคู่ค้า ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2568 ระบุ กัมพูชา นำเข้าสินค้าจาก ไทย มูลค่า 1,483,095 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 11.0% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน  


10 ประเทศ "คู่ค้า"

 

เปิด 10 ประเทศคู่ค้าที่กัมพูชานำเข้าสินค้าสูงสุด  ม.ค.-พ.ค.  2568 


                                                  มูลค่า : หน่วยพันดอลลาร์สหรัฐ

จีน :                                           7,005,413 

เวียดนาม :                                  1,800,503

ไทย :                                         1,483,095  ** 

อินโดนีเซีย :                                  436,246 

ญี่ปุ่น :                                           388,999

สิงคโปร์ :                                       289,047  

มาเลเซีย :                                      371,754 

ไต้หวัน :                                         301,386 

เกาหลีใต้ :                                      238,181 

ฮ่องกง :                                         135,706 

ที่มา : กรมศุลกากร และสรรพสามิตแห่งประเทศกัมพูชา


นายกรัฐมนตรีเผยมาตรการเร่งด่วน 

รองรับปมไทย-กัมพูชา ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง 


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าได้สั่งการให้คณะรัฐมนตรีทุกคนร่วมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมหามาตรการรองรับ เพื่อจะให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด และขอยืนยันอีกครั้งว่าสถานการณ์เช่นนี้เสถียรภาพของรัฐบาลและความสามัคคีของคนในชาตินั้นสำคัญมาก 

 

ทั้งนี้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้รัฐมนตรีทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจ ต่อการแก้ไขปัญหา โดยข้อสำคัญที่รัฐบาลได้เน้นย้ำ


ประกอบด้วย


1. ภัยคุกคามของความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ (Nation Crime)  จากที่ UNODC ได้รายงานเกี่ยวกับปัญหาพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ได้มีการสั่งการให้ทุกฝ่ายร่วมทำงานด้วยกันอย่างบูรณาการ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายตอบโต้ การเปิด – ปิดด่านชายแดนเพื่อหวังผลทางการเมือง แต่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติเป็นสิ่งสำคัญ 


โดยได้มีการเตรียมมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนบริเวณที่อาศัยอยู่พื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตร โดยได้มีการสั่งการให้ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการหาแนวทางเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลได้มีการดำเนินมาตรการร่วมกับภาคเอกชนอยู่ก่อนแล้ว แต่เป็นการเน้นย้ำในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อเป็นการเน้นย้ำเพื่อไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบ


2. ด้านความมั่นคงและพลังงาน ทางด้านกระทรวงพลังงานได้มีการกำหนดมาตรการรับมือสำหรับพลังงานสำรอง และมาตรการในรองรับช่วยเหลือประชาชนหากเกิดกรณีมีการขาดแคลน หรือหากมีการปรับตัวของราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น


3. ปัญหาด้านเศรษฐกิจการเงินและการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน โดยให้ทางด้านกระทรวงการคลังได้กำหนดมาตรการ และเป้าหมายที่ชัดเจนในการช่วยเหลือประชาชน ภาคธุรกิจในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าของประเทศ


4. เรื่องราคาพืชผล ได้มีการมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการหามาตรการในการแก้ไขปัญหา อย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของราคาข้าวที่ต้องมีการเร่งสนับสนุน สรุปมาตรการเยียวยาแก่เกษตรกรให้ดำเนินการแล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ยังได้มีการสั่งการให้มีการเร่งตรวจสอบ ในเรื่องของการลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อน ผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านที่จะส่งผลกระทบต่อราคา พืชผลและสินค้าเกษตรในประเทศไทยได้รับผลกระทบราคาตกต่ำ


5. ปัญหาด้านยาเสพติด ได้มีการสั่งการให้กระทรวงกลาโหม ดำเนินการบูรณาการทำงานระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจทุกจังหวัด กำหนดมาตรการที่เป็นรูปธรรมโดยเน้นย้ำให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน และขยายผลมากยิ่งขึ้นจากมาตรการ “Seal Stop Safe”


6. ปัญหาด้านการท่องเที่ยว ได้มีการสั่งการให้ทางด้านกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินการปรับมาตรการ กระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้เน้นย้ำในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว


นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่วถึงปัญหาค่าแรงขั้นต่ำ ระบุว่าได้มีการสั่งการให้กระทรวงแรงงาน เร่งนำมาตรการมาตรการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยจะมีการพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันต่อการขึ้นค่าแรงในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง