รีเซต

CGSI แนะหุ้นปลอดภัยที่อิงเศรษฐกิจภายใน -ปันผลสูงตั้งรับตลาดเดือนพ.ค.นี้

CGSI แนะหุ้นปลอดภัยที่อิงเศรษฐกิจภายใน -ปันผลสูงตั้งรับตลาดเดือนพ.ค.นี้
TNN ช่อง16
7 พฤษภาคม 2568 ( 21:58 )
12

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ไม่ได้คาดหวังกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในเดือนพ.ค.68 นี้ เพราะทั้งสองฝ่ายยังได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่มากนัก อย่างไรก็ตามหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนหากสองฝ่ายเริ่มมีท่าทีประนีประนอม ขณะที่เชื่อว่าไทยและสหรัฐน่าจะยังไม่ทำข้อตกลงทางการค้าเช่นกัน


นอกจากนี้ ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยทำให้ ไม่คาดหวังว่าตลาดหุ้นไทยจะทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคในช่วงเดือนพ.ค.นี้ อีกทั้งรัฐบาลน่าจะยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ เพราะต้องรอเจรจาการค้ากับสหรัฐ จึงคาดว่าหุ้นไทยอาจค่อนข้างเงียบในเดือนพ.ค.


ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า Bloomberg consensus คาดการณ์ว่าในไตรมาส 1/68 บริษัทจดทะเบียนของไทยจะมีกำไรเติบโต 6% เทียบระยะเดียวกันปีก่อน ( yoy) และ 36% เทียบไตรมาสก่อน (qoq) ซึ่งถือว่าไม่แย่เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต 23% yoy และ 12% qoq ในไตรมาส 4/68 ทั้งนี้ หากอิงจากประมาณการของ Bloomberg กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะมีกำไรเติบโตสูงที่สุด yoy ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มวัสดุก่อสร้างน่าจะมีกำไรเติบโตต่ำสุด yoy

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเตรียมเปิดตัวกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ หรือ TESGX ซึ่งสามารถรับโอนเงินลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) รวม 1.53 แสนล้านบาท ณ วันที่ 28 เม.ย.68 โดยผู้ถือหน่วยลงทุนที่ต้องการย้ายการลงทุนใน LTF มาอยู่ใน TESGX จะต้องโอนหน่วยลงทุนภายในเดือนพ.ค.- มิ.ย.68 เพื่อให้ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท


ขณะที่ CGSI ประมาณการว่า จะมีเงินลงทุนในกองทุน LTF ครึ่งหนึ่งย้ายเข้ามาลงทุนใน TESGX และถูกล็อคไปอีก 5 ปี ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนอีกครึ่งหนึ่ง อาจรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อขายคืนหน่วยลงทุน ทั้งนี้ ข้อมูลในวันที่ 28 เม.ย.68 แสดงให้เห็นว่ามีการขายคืน LTF แล้วรวม 3.8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่าอาจมีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่กองทุน TESGX อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยลดผลกระทบต่อ SET ช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า


แม้ว่าเงินทุนที่ไหลเข้า TESGX จะเป็นผลดีกับตลาดหุ้นไทย แต่มองว่า ดัชนี SET อาจปรับขึ้นไม่มากนัก จากความไม่แน่นอนการเมืองและมาตรการภาษีของสหรัฐ ดังนั้น จึงคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68 ที่ 1,200 จุด ( P/E 13.4 เท่าในปี 69, -1SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี) โดยมองว่ากลุ่มหุ้นปลอดภัยอิงเศรษฐกิจในประเทศ ( Domestic defensive) และหุ้นปันผลสูง (High yield play) เป็นตัวเลือกที่ดี ขณะที่ SET อาจมีความเสี่ยงลดลง ( downside risk) หากมาตรการภาษีสหรัฐส่งผลกระทบต่อไทยมากกว่าคาด รวมถึงความไม่แน่นอนการเมือง ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาจช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง