กต.-สธ.กระชับความร่วมมือ หารือร่วมสู้โควิด พร้อมหนุนวัคซีนไทย
มติชน
20 สิงหาคม 2564 ( 07:34 )
38
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือระหว่างนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้งสองหน่วยงาน อาทิ กรมการกงสุล กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติเข้าร่วมด้วยว่า ในการหารือได้มีแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันจัดหาวัคซีนโควิดจากแหล่งต่างๆ เพื่อให้พอต่อความต้องการในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า สามารถจัดหาวัคซีนได้แล้ว 100 ล้านโดสในปีนี้
นายธานีกล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้ข้อสังเกตว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันส่งผลอาจกระทบต่อไทยบ้าง แต่เชื่อมั่นว่าด้วยพื้นฐานทางด้านสาธารณสุขที่แข็งแกร่งของไทย เราจะสามารถฟื้นฟูภาพลักษณ์ที่ดีในด้านดังกล่าวให้กลับคืนมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสถาบันวิจัยของไทยประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาวัคซีน mRNA เป็นชาติแรกในอาเซียนและในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จึงขอสนับสนุนให้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญและผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง
นายธานีกล่าวว่า ทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับชาวไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยเพื่อให้มีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และครอบคลุมทุกกลุ่ม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่กำหนดให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะของโลก (Global Public Goods) ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันการจัดให้คนต่างชาติในไทยเข้าถึงวัคซีนผ่านการลงทะเบียน Expatvac จัดการกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงแรงงานต่างชาติที่กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ผ่านนายจ้างด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันในการเตรียมการล่วงหน้ากระบวนการผลิตวัคซีนไทย รวมถึงกระบวนการสั่งจอง การบริหารจัดการ ตลอดจนแหล่งเงินทุนระหว่างประเทศและภูมิภาค ซึ่งหลายสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุน
“การหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในครั้งนี้นับเป็นการหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองกระทรวงเป็นประโยชน์ต่อการบูรณาการการทำงานระหว่างสองหน่วยงานเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นายธานีกล่าว