เดลต้าบุก 72 จังหวัด กทม.พุ่ง 76.5% ห่วงยิ่งติดเยอะยิ่งเสี่ยงกลายพันธุ์ต่อ
กรมวิทย์ เผยโควิดเดลตาแพร่แล้ว 72 จังหวัด สัปดาห์ที่ผ่านมาพบเกือบ 63% แซงอัลฟาแล้ว เฉพาะ กทม.พุ่งสูงถึง 76.5% พบเพิ่มขึ้น 11 จังหวัด ส่วนเบตาใน กทม.ยังไม่พบเพิ่ม คาดสัปดาห์หน้าจบได้ สำหรับเบตา ที่บึงกาฬยังไม่พบที่มาสายตระกูล พบ 4 ราย ติดตามกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์เชื้อโควิด 19 กลายพันธุ์ ว่า จากการเฝ้าระวังเชื้อโควิดกลายพันธุ์นั้นในสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 10-16 ก.ค. จำนวน 3,340 ตัวอย่าง พบว่าทั่วประเทศเป็นสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) 62.6% แซงอัลฟา (อังกฤษ) ไปแล้ว ซึ่งพบ 34.1% ส่วนเบตา (แอฟริกาใต้) 3.3% ส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคใต้เป็นหลัก สำหรับ กทม.จำนวนตัวอย่าง 1,745 ตัวอย่าง เป็นสายพันธุ์เดลตา 76.5%
ส่วนภูมิภาคจำนวน 1,595 ตัวอย่าาง เป็นเดลตา 47.3% ถือว่าแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามที่คาดไว้ โดยวันนี้เราพบสายพันธุ์เดลตา 71 จังหวัด เพิ่มมา 11 จังหวัดจากสัปดาห์ที่แล้วที่ไม่เคยพบมาก่อน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พบเดลตา 3 ราย กาญจนบุรี 1 ราย สมุทรสงคราม 4 ราย ฉะเชิงเทรา 20 ราย ตราด 2 ราย สุรินทร์ 28 ราย ชุมพร 1 ราย นครศรีธรรมราช 2 ราย กระบี่ 2 ราย พังงา 1 ราย และปัตตานี 2 ราย
"ขณะนี้ติดแล้ว 71 จังหวัด บวก กทม. เกือบครบทั้งประเทศ เหลือ 4-5 จังหวัดที่ยังไม่พบ ขณะนี้จึงเป็นคำตอบว่าทำไมจำนวนตัวเลขติดเชื้อรายวันถึงสูงรวดเร็ว เพราะคุณสมบัติเดลตาติดกันง่าย ความรุนแรงอัตราป่วยตายยังไม่มีผลมากเท่าไร ยกเว้นเคสมากจนดูแลไม่ทันอาจมีผลกระทบได้" นพ.ศุภกิจกล่าว
นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ส่วนสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) ยังอยู่ที่บริเวณภาคใต้ สัปดาห์ที่ผ่านมาพบเพิ่มที่นราธิวาาส 91 ราย จังหวัดใกล้เคียง คือ ปัตตานี ยะลา สงขลา พัทลุง พบเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่บ้าง ขึ้นไปจนถึงชุมพรพบ 1 รายใหม่ ส่วนบึงกาฬสัปดาห์ที่แล้วพบ 1 ราย เป็นคนงานกลับมาจากไต้หวัน ตอนอยู่ในสเตท ควอรันทีน ตรวจไม่เจอ พอกลับบ้านป่วย พบเชื้อส่งตรวจเป็นเบตา คนใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงพบอีก 3 ราย คงต้องดูแลต่อไปว่าจะหยุดที่ 4 รายหรือไม่ ส่วนที่พบใน กทม.จากมีญาติมาเยี่ยมจากนราธิวาส เอามาติดพ่อและคนในครอบครัวติดอีก 2 คน สัปดาห์นี้ยังไม่เจอรายใหม่ ถ้าสัปดาห์หน้าใน กทม.ยังเป็น 0 เบตาก็จบได้ไม่ระบาดในวงกว้าง ต้องเฝ้าระวังดูต่อไป
ถามถึงการกลายพันธุ์จากการติดเชื้อใหม่วันละเป็นหมื่นคน นพ.ศุภกิจกล่าวว่า การติดเชื้อมีจำนวนสูงมาก โอกาสการกลายพันธุ์จะสูงตามไปด้วย เมื่อไวรัสไปออกลูกหลานเพิ่มจำนวนในเซลล์อาจมีความผิดเพี้ยนกลายเป็นพันธุ์ใหม่ได้ ฉะนั้น ถ้าปล่อยให้มีการติดเชื้อมากเท่าไร โอกาสการกลายพันธุ์ก็สูงเท่านั้น สัปดาห์ที่แล้วพบ 7 รายติดเชื้อแบบผสม คือ ตัวคนเดียวเจอ 2 สายพันธุ์คือเดลตาและอัลฟา แต่ยังไม่ได้ผสมกันเป็นพันธุ์ใหม่ที่มีองค์ประกอบทั้งสองสายพันธุ์ ถ้าปล่อยให้มีการติดเชื้อ 2 สายพันธุ์มากๆ อาจเปลี่ยนเป็นพันธุ์ใหม่ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่เจอ ตอนนี้ยังพบติด 2 สายพันธุ์แค่ 7 ราย
"ถ้ามีการกลายพันธุ์สมมติเป็นพันธุ์ใหม่ออกมา จะติดเชื้อเร็วขึ้นไหม รุนแรงมากขึ้นไหม อัตราป่วยตายมากขึ้นไหม ดื้อวัคซีนหรือไม่ ขึ้นกับตำแหน่งการกลายพันธุ์ ซึ่งการกลายพันธุ์เกิดขึ้นตลอดเวลาไม่ค่อยมีปัญหาอะไรถ้าไม่มีอิทธิฤทธิ์มากขึ้น แต่ถ้ามีขีดความสามารถมากขึ้นทั้งติดบ่อยขึ้นเร็วขึ้น ทำอันตรายมากขึ้น หรือดื้อวัคซีนมากขึ้น ทางองค์การอนามัยโลกจะจัดเป็นการกลายพันธู์ที่น่าห่วงกังวลจะต้องติดตามดู ให้ความมั่นใจว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ สัปดาห์หนึ่งเราทำได้หลายพันตัวอย่างต่อสัปดาห์มากกว่าที่สากลกำหนด 150 ตัวอย่างต่อสัปดาห์ ถ้ามีการกลายพันธุ์ก็ตรวจเจอได้ แต่ไม่อยากให้เจอ ต้องช่วยกันลดการแพร่ระบาดของโรคให้เร็ว การกลายพันธุ์ก็ต่ำลง" นพ.ศุกิจกล่าว
ถามว่าสายพันธุ์เบตาที่บึงกาฬมีกลุ่มเสี่ยงสูงที่ต้องระวังเท่าไร นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ขณะนี้เราเจอ 4 จะตรวจเพิ่มเติมอยู่ คิดว่าสัปดาห์หน้าจะมีติดเชื้อเพิ่มหรือไม่ การสอบสวนเป็นหน้าที่ของพื้นที่ พอเรามีข้อมูลจะบอกเขาไปดำเนินการ เก็บตัวอย่างมาให้เราตรวจเพิ่มเติม
ถามต่อว่าทราบแล้วหรือไม่ว่าสายพันธุ์เบตาที่บึงกาฬมาจากไหน นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ต้องขอข้อมูลเพิ่มเติม ในเชิงสายพันธุ์เราเรียกว่าสายตระกูลก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไต้หวัน ตอนแรกคิดว่าพ่อแม่อยู่ไต้หวันสายตระกูลมาที่เรา แต่ตรวจสอบก็ไม่ใช่ เทียบกับภาสคใตที่เกิดเยอะก็ไม่ใช่ เลยขอหาข้อมูลเพิ่มเติม ถ้ามีความชัดเจน อาจต้องใช้ข้อมูลอื่นประกอบ เช่น เจเนติก ใช้สารพันธุกรรมอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถอธิบายทั้งหมดได้ ขอให้รออีกระยะ