กบน. ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน ตรึงราคาบรรเทาภาระปชช.

กบน. ปรับอัตราเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตรึงราคาน้ำมันหน้าปั๊ม
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีนโยบายให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ดำเนินการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ เพื่อรองรับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยมีเป้าหมายหลักในการตรึงราคาน้ำมันหน้าปั๊มไม่ให้กระทบค่าครองชีพของประชาชน ในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
วิเคราะห์สถานการณ์ และแนวทางการบริหาร
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสกนช. ได้จัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินและดีเซล และประเมินศักยภาพของกองทุนน้ำมันในการรองรับรายได้ที่ลดลง โดยผลวิเคราะห์พบว่ากองทุนฯ ยังสามารถแบกรับภาระดังกล่าวได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
อย่างไรก็ตาม หากเกิดวิกฤตราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกในประเทศ และส่งผลต่อสภาพคล่องของกองทุนฯ ก็จะเสนอให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต พิจารณาปรับลดอัตราภาษีน้ำมัน เพื่อคงระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
มติ กบน. ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุน
คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
1.ปรับลดเงินกองทุนฯ เทียบเท่ากับภาษีสรรพสามิตและภาษีท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยผลกระทบที่เกิดจากภาษีใหม่
2.พิจารณาค่าการตลาดที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมัน
มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
ผลกระทบทางการเงินของกองทุนฯ
การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนครั้งนี้ ทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันจากกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงประมาณ 49.57 ล้านบาทต่อวัน จากเดิม 393.97 ล้านบาท เหลือ 344.40 ล้านบาทต่อวัน
โดยฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 มีสถานะติดลบรวม 47,779 ล้านบาท แบ่งเป็น
- บัญชีน้ำมัน: ติดลบ 2,540 ล้านบาท
- บัญชี LPG: ติดลบ 45,239 ล้านบาท
การดำเนินการของ กบน. ในครั้งนี้ เป็นความพยายามรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศ และบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจยังเปราะบาง