งบประมาณ 2568: รัฐบาลมั่นใจตอบโจทย์ฟื้นฟูประเทศ

ในสัปดาห์นี้ สภาผู้แทนราษฎรจะมีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ซึ่งถือเป็นการทดสอบศักยภาพของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ท่ามกลางความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง รัฐบาลชุดนี้ได้ใช้เวลาไม่นานนักในการเตรียมงบประมาณ แต่ก็มุ่งมั่นที่จะสะท้อนวิสัยทัศน์และนโยบายสำคัญที่จะฟื้นฟูประเทศจากวิกฤตการณ์ที่สะสมมานาน โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างดิจิทัลวอลเล็ต และโครงการซอฟต์พาวเวอร์ในการพลิกโฉมภาพลักษณ์ประเทศ ร่างงบประมาณปีนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติให้เดินหน้าต่อไป

รัฐบาลมั่นใจ พร้อมชี้แจงได้ทุกข้อซักถาม

แม้พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยพรรคก้าวไกล จะระดมกำลังอภิปรายอย่างเข้มข้นถึง 30 กว่าคนเพื่อตรวจสอบงบประมาณในมิติต่างๆ แต่พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลก็เชื่อมั่นว่างบประมาณที่ตั้งขึ้นมีที่มาที่ไปชัดเจน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา พร้อมที่จะตอบคำถามได้ทุกประเด็น

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า โครงการสำคัญอย่างดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลปกปิด เพราะเป็นนโยบายสำคัญที่หาเสียงมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง รัฐบาลพร้อมจะอธิบายถึงประโยชน์ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจและการวางรากฐานสังคมดิจิทัลในระยะยาว ซึ่งรัฐมนตรีทุกกระทรวงมีความพร้อมที่จะตอบคำถามเช่นกัน  

พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมขุนพลสนับสนุน ชู 6 ด้านปลดล็อคประเทศ

นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เผยว่าพรรคได้เตรียมขุนพลอภิปรายสนับสนุนงบประมาณกว่า 22 คน โดยจะชูแนวคิด "ปลดพันธนาการ 6 ด้าน" ที่สอดคล้องกับ 142 นโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหาอย่างรอบด้านและยั่งยืน โดยแต่ละคนจะรับผิดชอบอภิปรายแยกตามกระทรวง ไม่ใช่แค่ลงชื่ออภิปรายสนับสนุนแบบกว้างๆ ทั่วไป เพื่อให้ประชาชนได้เห็นทิศทางของรัฐบาลอย่างชัดเจน 

ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ฝากเตือนฝ่ายค้านให้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ เน้นประโยชน์ประเทศเป็นหลัก ไม่ใช้เวทีสภาเป็นเพียงที่ซักซ้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือสร้างดราม่าทางการเมือง

ดิจิทัลวอลเล็ต จุดประกายเศรษฐกิจ ปูทางสู่สังคมดิจิทัล

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านถึงโครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่าจะเป็นภาระงบประมาณ แต่นายชนินทร์ชี้แจงว่าเป็นนโยบายที่ไม่ได้เกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง แต่หาเสียงมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งแล้ว และมีการวางแผนงบประมาณจาก 3 ส่วนอย่างชัดเจน ได้แก่ งบประมาณปกติปี 2568, งบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 และเงินจากสถาบันการเงินของรัฐ ไม่ได้นำเงินส่วนอื่นมาใช้

โครงการนี้ตั้งเป้าเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย กระตุ้นการจ้างงาน คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว 1.2-1.6% ซึ่งรัฐบาลก็จะได้ภาษีกลับคืนมา ขณะเดียวกันก็เป็นการวางรากฐานสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประชาชน ไม่ใช่แค่มองระยะสั้น แต่เป็นการลงทุนในการพัฒนาประเทศระยะยาว

การกู้เงินเพื่องบประมาณขาดดุล ยังไม่น่าเป็นห่วง

นายสรรเพชญ บุญญามณี สส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงถึง 8.65 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ว่ายังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะรัฐบาลเองก็ตั้งเป้ารายได้ 2.8 ล้านล้านบาทในปี 2568 และ 3 ล้านล้านบาทในปี 2569 หากสามารถเก็บภาษีได้ตามเป้า ก็จะไม่จำเป็นต้องกู้เต็มจำนวนที่ตั้งไว้ อีกทั้งยอดหนี้สาธารณะต่อ GDP ก็ยังไม่เกินกรอบความมั่นคงทางการคลัง

แต่นายสรรเพชญ ก็เตือนว่า รัฐบาลจะต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย และดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรัดกุม เพื่อให้เม็ดเงินลงไปถึงภาคประชาชนและธุรกิจอย่างทั่วถึงจริง ไม่เช่นนั้นอาจไม่เกิดผลในการกระตุ้นการบริโภค และไม่เป็นไปตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ ซึ่งจะทำให้การกู้เงินสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการคลังในอนาคตได้

การอภิปรายงบประมาณปี 2568 จะเป็นเวทีสำคัญในการชี้แจงทิศทางนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย และวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว นโยบายเด่นอย่างดิจิทัลวอลเล็ต แม้อาจถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า แต่รัฐบาลก็พร้อมชี้แจงถึงประโยชน์ทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยมีการวางแผนงบประมาณที่รัดกุม ขณะเดียวกัน การกู้เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณ แม้จะเป็นตัวเลขสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงหากรัฐบาลเร่งเก็บรายได้ให้ได้ตามเป้า

ท้ายที่สุด การอภิปรายของทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน หากเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มุ่งเน้นผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ไม่ใช้เวทีสภาเพื่อสร้างกระแสทางการเมือง และร่วมผลักดันงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศในระยะยาว ประชาชนย่อมหวังให้เวทีอภิปรายทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบ เพื่อให้งบประมาณแผ่นดินถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประเทศชาติต่อไป