"ธพว.-บสย."รับนโยบายลุยช่วย"เอสเอ็มอี"

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวหลังจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียก สถาบันการเงินของรัฐไปรับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า ได้ให้การบ้านสถาบันการเงินของรัฐ เกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี 

ซึ่งประกอบด้วย 2  เรื่องใหญ่ คือ 1.การช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการแก้ไขหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย หรือ เอ็นพีแอล ว่าจะมีโครงการช่วยอะไรเพิ่มเติม

2.ผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ที่กระทบการส่งออกของเอสเอ็มอี จะต้องช่วยเหลือเอสเอ็มอีกลุ่มนี้ โดยการช่วยสนับสนุนเงินทุน ปรับโครงสร้างหนี้ การยืดระยะเวลาชำระหนี้ให้เอสเอ็มอีมีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการให้สินเชื่อดอเบี้ยต่ำช่วยลดต้นทุนการเงิน

ปัจจุบันไทยยังไม่ครบกำหนด 90 วันที่สหรัฐฯ ชะลอกาาขึ้นภาษี ทั้งนี้ถ้าหากครบกำหนดมองว่า SME ไทยจะได้รับผลกระทบแน่นอนเพราะราคาสินค้าจะสูง และยังได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนที่เข้ามาในประเทศ   

ดังนั้นจึงต้องเร่งช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้ได้รับผลกระทบจากจีนให้น้อยที่สุด อาทิ สินเชื่อโครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการให้กับผู้ประกอบการ SME โครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME เป็นต้น

ด้านนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า ในมิติบสย. หลังจากได้รับนโยบายจากรมว.คลัง จะเร่งช่วยเหลือ sme นิติบุคคล ลูกค้าที่ต้องการกู้เงิน แต่ยังขาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ SME มีสภาพคล่องเพียงพอในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ 

นอกจากนี้ โจทย์ที่บสย.ได้รับมา คือ การเติมสภาพคล่องให้กับ sme ภายใต้การค้ำประกัน ซึ่งในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา มีการค้ำประกันสินเชื่อสะสม 8,162 ล้านบาท และมี SME เข้าถึงสินเชื่อมากกว่า 14,000 ราย สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้กว่า 33,708 ล้านบาท และสร้างสินเชื่อในระบบ 10,598 ล้านบาท