รีเซต

รพ.นราธิวาสฯ พัฒนาแนวทางดูแลทารกภาวะความดันเลือดปอดสูง รอดชีวิต 100 เปอร์เซ็นต์

รพ.นราธิวาสฯ พัฒนาแนวทางดูแลทารกภาวะความดันเลือดปอดสูง รอดชีวิต 100  เปอร์เซ็นต์
TNN ช่อง16
23 กันยายน 2568 ( 13:34 )
11

พญ.อมรา ดือเระ นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส กล่าวถึงผลการศึกษาเรื่อง "การพลิกวิกฤต PPHN เพิ่มอัตรารอดชีวิตทารกแรกเกิดด้วยแนวทางแบบบูรณาการ" ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2568 ว่า ภาวะความดันเลือดในปอดสูงในทารกแรกเกิด (Persistene Pulmonary Hypertension of the Newborn : PPHN) เป็นภาวะที่หลอดเลือดปอดยังหดตัวและมีแรงต้านสูงหลังคลอด ทำให้เลือดไม่ผ่านปอดอย่างเพียงพอ จนเกิดภาวะพร่องออกซิเจนในทารกแรกเกิด โดยไม่มีความพิการของหัวใจแต่กำเนิด 

ซึ่ง จ.นราธิวาส มีทารกเกิดมีชีพ 12,000 รายต่อปี ในจำนวนนี้พบ PPHN 1.45 ต่อพันการเกิดมีชีพ อัตราการเสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรณีทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,000 กรัม โดยสาเหตุร้อยละ 50 มาจากภาวะสูดสำลักขี้เทาจากการที่แม่ตั้งครรภ์เกินกำหนด และระยะหลังพบมากในกรณีที่แม่ติดยาเสพติด สูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ เขตสุขภาพที่ 12 ได้กำหนดตัวชี้วัดให้อัตราตายจาก PPHN น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ยังมีข้อจำกัดคือ ไม่มีกุมารแพทย์ด้านทารกแรกเกิด และไม่มีไนตริกออกไซด์สูดดม ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่ช่วยเสริมการรักษา รวมถึงบุคลากรยังขาดทักษะการดูแลขั้นสูง และไม่มีการติดตามการรักษาที่ต่อเนื่อง การส่งต่อผู้ป่วยมีความเสี่ยงจากการที่คนไข้มีค่าออกซิเจนไม่คงที่ 


พญ.อมรากล่าวต่อว่า โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์จึงได้พัฒนาคุณภาพการดูแลรักษา PPHN อย่างต่อเนื่อง โดยใช้วงจร PDCA (Plan-Do-Check-Act) 3 ระยะ ทั้งระยะก่อนมาโรงพยาบาล ระยะมาโรงพยาบาล และระยะหลังออกจากโรงพยาบาล ตั้งแต่ปี 2563-2568 เพื่อพัฒนาระบบการดูแลรักษาแบบบูรณาการ เพิ่มอัตราการรอดชีวิตให้มากกว่าร้อยละ 50 ลดการเกิดการตั้งครรภ์เกินกำหนดที่นำไปสู่ภาวะสูดสำลักขี้เทาให้น้อยกว่าร้อยละ 50 พร้อมติดตามคุณภาพชีวิตทารกที่รอดชีวิต โดยให้มีอัตราได้นมแม่อย่างเดียว 6 เดือน มากกว่าร้อยละ 60 อัตราการเจริญเติบโตตามเกณฑ์มากกว่าร้อยละ 80 อัตราพัฒนาการสมวัยมากกว่าร้อยละ 80 และอัตราการเจ็บป่วยด้วยภาวะทางเดินหายใจต้องกลับมารักษาซ้ำใน 1 ปี ลดลงกว่าร้อยละ 10 แบ่งการดำเนินงานเป็น 3 วงรอบ คือ 

วงรอบที่ 1 ปี 2563-2564 ทบทวนข้อมูลวิเคราะห์สาเหตุ ร่วมวางแผนกับเครือข่ายเพื่อลดการตั้งครรภ์เกินกำหนด 

วงรอบที่ 2 ปี 2565-2566 กำหนดแนวทางติดตามอายุครรภ์ที่แม่นยำ พัฒนาแนวปฏิบัติคู่มือการดูแล PPHN ร่วมกันระหว่างทีมกุมารแพทย์ ทีมพยาบาลทารกแรกเกิด จัดทำกระบวนการติดตาม ประเมิน ทบทวนการดูแลผู้ป่วยแต่ละราย ปรึกษากุมารแพทย์ทารกแรกเกิดแบบเรียลไทม์ ติดตามเด็กที่รอดชีวิต ส่งต่อคลินิกพัฒนาการเด็กดูแล 

วงรอบที่ 3 ปี 2567-2568 การใช้ไนตริกออกไซด์สูดดม และยาทางเลือก พร้อมติดตามคุณภาพชีวิตเด็กที่รอดชีวิตอย่างน้อยทุก 6 เดือน จนถึง 5 ปี


"ผลของการพัฒนาระบบดูแล PPHN อย่างบูรณาการพบว่า อัตรารอดชีวิตเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 16.67 ในปี 2563 เป็นร้อยละ 100 ในปี 2568 ส่วนอัตราการตั้งครรภ์เกินกำหนดลดลง ร้อยละ 100 เช่นเดียวกัน ติดตามอัตราการเจริญเติบโตของเด็ก 10 รายที่รอดชีวิต พบว่ามีการเจริญเติบโตตามเกณฑ์ร้อยละ 90 มีพัฒนาการสมวัย ร้อยละ 100 สะท้อนว่าระบบการดูแล PPHN อย่างบูรณาการช่วยเพิ่มอัตรารอดชีวิตของเด็กได้อย่างชัดเจน สามารถนำไปขยายผลในสถานบริการอื่นได้ต่อไป" พญ.อมรากล่าว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง