รีเซต

เมือง “อุตคีอาวิก” อะแลสกา เข้าสู่ “คืนขั้วโลก” มืดยาว 65 วัน เจอพระอาทิตย์อีกที 22 ม.ค.69!

เมือง “อุตคีอาวิก” อะแลสกา เข้าสู่ “คืนขั้วโลก” มืดยาว 65 วัน เจอพระอาทิตย์อีกที 22 ม.ค.69!
TNN ช่อง16
18 พฤศจิกายน 2568 ( 11:30 )
10

เมืองที่ตั้งอยู่เหนือสุดของทวีปอเมริกาเหนือจะบอกลาช่วงกลางวันในสัปดาห์นี้ (หลัง 18 พ.ย.68) เมื่อเข้าสู่ “กลางคืนขั้วโลก” ประจำปี ซึ่งประชาชนจะไม่เห็นดวงอาทิตย์อีกจนถึงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2569


“อุตคีอาวิก” เมืองเล็กแห่งนี้ เคยรู้จักในชื่อ “บาร์โรว์” ตั้งอยู่ปลายเหนือสุดของรัฐอะแลสกา ห่างจาก เส้นอาร์กติกเซอร์เคิล ประมาณ 480 กิโลเมตร ทำให้เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่เหนือสุดของอเมริกาเหนือ


ช่วงมืดที่ยาวนานนี้เกิดจาก การเอียงของแกนโลก ระหว่างเดือนกันยายนถึงมีนาคม เมื่อซีกโลกเหนือเอียงออกจากดวงอาทิตย์ แสงในตอนกลางวันจะลดลงเรื่อย ๆ และยิ่งเมื่อเอียงไปทางเหนือจนถึงจุดสูงสุดในช่วงเดือนธันวาคม และในช่วงคืนขั้วโลก แสงธรรมชาติแทบไม่มีให้เห็น นอกจากแสงพลบค่ำอ่อน ๆ บริเวณขอบฟ้าทางใต้ และแสงเหนือหรือ Aurora Borealis ที่ปรากฏให้ชมเป็นครั้งคราว

หลังพระอาทิตย์ตกในวันอังคารนี้ (18 พ.ย.) การขึ้นของดวงอาทิตย์ครั้งต่อไปใน “อุตคีอาวิก”จะไม่เกิดขึ้นอีกเลยจนถึง 22 มกราคม พ.ศ. 2569 ดังนั้น สภาพอากาศในช่วงหลังจากนี้ถือว่าหนักหน่วง อุณหภูมิในพื้นที่มักลดต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส (บางครั้งต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส) ความมืดที่ยาวนานนี้ยังส่งผลต่อจังหวะชีวิตประจำวันของประชากรประมาณ 5,000 คนในเมืองนี้


อย่างไรก็ตาม ความมืดที่ยาวนานนั้นเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว เมื่อฤดูใบไม้ผลิในช่วงเดือนมีนาคมมาถึง แสงอาทิตย์ก็จะกลับคืนมา และภายในกลางเดือนพฤษภาคม พระอาทิตย์จะไม่ตกเลย จนถึงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็น ช่วงแสงอาทิตย์ที่ยาวนานไม่มีที่สิ้นสุด (Midnight Sun) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตรงข้ามกับช่วงกลางคืนขั้วโลก

ทั้ง ช่วงเวลากลางคืนและกลางวันที่ยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง เป็นลักษณะเด่นของพื้นที่ใกล้ขั้วโลก ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีโอกาสชม Aurora Borealis ในฤดูหนาว และกลางวันที่ไม่มีที่สิ้นสุดในฤดูร้อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง