รองนายกฯ ขอคนมีเงินฝากเยอะ นำออกมาใช้ ไม่ต้องขอ'คนละครึ่ง' ยันเฟส 3 เริ่มมิ.ย.
รองนายกฯ ขอคนมีเงินฝากเยอะ นำออกมาใช้ ไม่ต้องขอ'คนละครึ่ง' ยันเฟส 3 ชัดเจนในเดือนพ.ค. และมีผลบังคับใช้ในเดือนมิ.ย.นี้แน่นอน
เมื่อวันที่26 เม.ย.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวหลังประชุมร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เกี่ยวกับเรื่องการกระจายวัคซีนว่า
ที่ประชุมหารือเบื้องต้นก่อนจะพูดคุยกับภาคเอกชนว่าในวันที่ 28 เม.ย. เพื่อเตรียมพร้อมการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาด ให้เห็นว่ารัฐบาลเตรียมการครบทุกด้าน ทั้งระบบคัดกรองผู้ป่วย การรักษาพยาบาล และการเตรียมวัคซีน ขณะนี้ประเทศไทยยังสามารถควบคุมการระบาดได้อยู่และอยู่ในระดับที่ประชาชนเชื่อมั่นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการประเมินว่าใน 2 สัปดาห์นี้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า มาตรการยังออกมาไม่ครบ 2 สัปดาห์ แม้จะมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่ยอดผู้ที่รักษาหายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ประเด็นตอนนี้คือการดูแลผู้ติดเชื้อ ส่วนมาตรการทางเศรษฐกิจก็จะชัดเจนในเดือนพ.ค. และมีผลบังคับใช้ในเดือนมิ.ย.
เมื่อถามว่าจะพิจารณาแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณา และภายในสัปดาห์นี้น่าจะทราบ เบื้องต้นกำหนดไว้ในเดือนก.ค. ส่วนที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวจาก 6 ล้านคน เหลือ 3 ล้านคนนั้น เป็นภาพรวมเนื่องจากการระบาดเกิดทั่วโลกและในแต่ละปีคนไทยก็เที่ยวจำนวนมากมูลค่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี สถานการณ์กลับสู่ปกติ คนไทยอาจจะเที่ยวได้เหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม ถ้าคนไทยช่วยกันโดยออกมาใช้จ่าย ก็อาจจะได้จีดีพีที่ 4 เปอร์เซ็นต์ ก็จะช่วยได้ โดยขอให้คนที่มีเงินฝากเยอะๆ นำออกมาใช้จ่าย เพื่อจะได้ไม่ต้องมาขอเงินจากโครงการคนละครึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องมีการกู้เงินเข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ยัง เพราะยังอยู่ในกรอบใช้จ่าย
ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า การหารือมี 2 เรื่อง ที่เตรียมจะหารือกับภาคเอกชน คือเรื่องการนำผู้ป่วยเข้ามารักษาในสถานพยาบาลประมาณ 800 คน จากที่ตกค้างกว่า1,400 คน โดยให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงแรงงาน คัดกรองกลุ่มที่เป็นผู้ประกันตน ซึ่งขณะนี้ได้จัดสถานที่ไว้ที่อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก สำหรับคัดกรอง ถ้าไม่มีอาการ จะนำเข้าโรงพยาบาลสนาม หากอาการเป็นสีเหลือง จะต้องดูสถานที่รักษาอาจจะเป็นสถานพยาบาลที่เป็นโรงแรม และอาการสีแดงให้นำเข้าโรงพยาบาล เพื่อรักษา
เรื่องที่สองคือการบริหารจัดการวัคซีน ที่จะต้องคุยกับภาคเอกชนว่าจะเข้ามาช่วยอย่างไร เมื่อวัคซีนเข้ามา 26 ล้านโดสในช่วง 3 เดือนนี้ จากนั้นจะมีวัคซีนซีโนแวคเข้ามาอีกประมาณ 1 ล้านโดส ขอให้มั่นใจได้ว่าสามเดือนนี้ ตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อยประมาณ 30 ล้านคน ส่วนวัคซีนทางเลือกเพิ่มที่มีการขึ้นทะเบียนแล้วคือ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ส่วนไฟเซอร์และยี่ห้ออื่นจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อขึ้นทะเบียนและนำเข้าเพิ่มเติมให้ได้ 100 ล้านโดส และภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะฉีดให้ประชาชนได้ประมาณ 50ล้านคน ซึ่งมีทั้งฉีดเข็มแรกและเข็มที่สอง
ทั้งนี้เบื้องต้นจะขอความร่วมมือภาคเอกชนในการจัดสถานที่สำหรับฉีดวัคซีน หรือรับไปฉีดให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าว่าในสามเดือนข้างหน้าจะต้องฉีดให้ได้อย่างน้อยวันละ 3 แสนคน รวม30 ล้านคน ส่วนรายละเอียดต่างๆจะได้ข้อสรุปในวันที่28 เม.ย.นี้