รีเซต

เปิดใจ ‘สาวหลังหัก’ นอนพื้นธนาคารรอเซ็นเปิดบัญชี - ด้านแบงก์ต้นเรื่องขอโทษแล้ว

เปิดใจ ‘สาวหลังหัก’ นอนพื้นธนาคารรอเซ็นเปิดบัญชี - ด้านแบงก์ต้นเรื่องขอโทษแล้ว
TNN ช่อง16
9 ตุลาคม 2563 ( 08:29 )
242
เปิดใจ ‘สาวหลังหัก’ นอนพื้นธนาคารรอเซ็นเปิดบัญชี - ด้านแบงก์ต้นเรื่องขอโทษแล้ว

วันนี้ ( 9 ต.ค. 63 )จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า สุภาพร พงศ์สราภี โพสต์ข้อความว่ระบุว่า " ดูสภาพอนาถขนาดไหน ตัองมานอนพื้นเพื่อรอเปิดบัญชี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากเกร็ด เพื่อรอยื่นเอกสารประกันของธนาคารกรุงศรีอยุธยา มันเกินไปไหม คนไข้นั่งไไม่ได้ หลังหัก ขาหัก ใส่เหล็กที่ขา แต่พนักงานบอกว่า ต้องถ่ายรูปและเซ็นเอกสาร โดยให้มานอนรอที่พื้นแบบนี้ ระบบประกันธนาคารคุณ ให้บริการแบบนี้เหรอ เพื่อนๆช่วยกันแชร์หน่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เขาจะได้รู้ว่าให้บริการแบบนี้" 


หลังโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์ภาพและข้อความลงไปในโลกออนไลน์ ปร่กฎว่ามีกระแสวิพากษณ์วิจารณ์จากสังคมแบบทัวร์ลง ต่างพากันคอมเม้นท์วิจารณ์ว่าธนารคารที่ไม่น่าทำกับลูกค้าแบบนี้ 


ล่าสุดธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งว่า ธนาคารมีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุเกิดจากความเข้าใจผิดและความบกพร่องในการปฏิบัติงานของพนักงาน ธนาคารขอยืนยันว่าธนาคารมีนโยบายและกระบวนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าทำธุรกรรมการเงินภายในสาขาได้


ทั้งนี้ ธนาคารขอน้อมรับในความบกพร่องและขออภัยต่อลูกค้าในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสำหรับธุรกรรมดังกล่าว ธนาคารได้ประสานงานดำเนินการทำตามความประสงค์ของลูกค้าโดยเรียบร้อยแล้ว




ทั้งนี้เมื่อช่วงบ่ายวานนี้  ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังห้องเช่าแห่งหนึ่ง หลังเทศบาลนครปากเกร็ด ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบกับ น.ส.สุภาพร หรือน้องแจง พงษ์สราภี อายุ 37 ปี อาชีพค้าขาย เจ้าของเรื่อง กำลังนอนอยู่บนที่นอนปิคนิค ในสภาพพักฟื้น บาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง โดยมีคุณแม่ และญาติๆเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งน้องแจงเองยังไม่สามารถลุกเดินหรือนั่งเองได้ เพราะประสบอุบัติเหตเหตุมาก่อนหน้านี้


น้องแจงเล่าว่าตนไปเที่ยวดอยอ่างข่าง ที่จังหวัดเชียงใหม่ และประสบอุบัติเหตุรถตกเขา ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่งทั้ง หลังหัก ขาหัก ใส่เหล็กที่ขา ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ต้องนอนรักษาตัวนานอีกหลายเดือน ตนเองมีซื้อประกันกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเงาะพงัน โดยจ่ายเบี้ยปีละ 2,800 บาท 


เมื่อประสบอุบัติเหตุจะได้ 25,000 บาท ต่อครั้ง ได้เงินชดเชย วันละ 1,000 บาท แต่ไม่ได้เปิดบัญชีของธนาคารไว้ จึงให้คุณแม่คือนางสัมฤทธิ์ เฉยเพชร อายุ 61 ปี กับลูกพี่ลูกน้องกันคือนายสุชาติ ฤกษ์สุทธิศิริเดช อายุ 45 ปี นำเอกสารบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรที่ซื้ออุบัติเหตุไปติดต่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาปากเกร็ด แต่ได้รับการปฎิเสธ โดยอ้างว่าเจ้าตัวต้องมาเอง


คุณแม่พยายามชี้แจงว่ามาแล้ว นอนอยู่ในรถ ลงมาไม่ได้ เพราะหลังหัก ขาหัก ธนาคารก็ยังยืนยันต้องมาเอง ด้วยความที่เราต้องรีบเดินเรื่องเปิดบัญชีเพื่อจะได้ไป


เบิกค่ารักษาพยาบาล ก็ให้แม่ชี้แจงทุกอย่างแต่เขาไม่ฟังเลย จนแม่และพี่สุชาติ ต้องไปที่รถแล้วอุ้มตนเองมาที่ธนาคารและนอนอนาถอย่างที่เห็นในคลิป เจ้าหน้าที่ยังมาบอกอีกให้ลุกนั่งมาเซ็นเอกสาร ตนก็บอกลุกไม่ได้ เขายังตะคอกชี้หน้าบอกให้ลุก แล้วหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปตน ตนเองตอนนั้นรู้สึกอายมาย เพราะมีคนเข้าๆออกๆตลอดเวลา 


หลังจากนั้นตนก็ให้แม่ถ่ายคลิปไว้ เจ้าหน้าที่จึงยอมมาเจรจาและบอกว่าไม่ต้องเปิดบัญชีก็ได้ ใช้บัญชีแม่ตนเองได้เลย ก็ไม่เข้าใจว่าธนาคารแห่งนี้เขาวัดคุณค่าของคนที่ตรงไหน วันนั้นแต่งตัวปอนๆเขาเลยไม่ต้อนรับ ตนมีความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการให้บริการ 


ทั้งๆที่แม่ของตนได้แจ้งกับทางธนาคาร แล้วว่าตนไม่สะดวก หลังหัก นั่งไม่ได้ รบกวนให้เอาเอกสารมาให้เซ็นต์ที่รถได้ไหม เพราะตนต้องรีบใช้บัญชีไปเคลมประกัน เพราะจะได้มีค่าใช้จ่ายในการไปล้างแผล แต่ทางธนาคารแจ้งว่าไม่มีนโยบายให้พนักงานไปบริการที่รถ พนักงานผู้หญิงก็ชี้หน้าแล้วพูดกับตนไม่ดี


สั่งให้ตนนั่งซึ่งตนนั่งไม่ได้ แม่ก็เลยเอาผ้าปูที่พื้นและ ให้ตนนอนรอเพื่อให้ทางธนาคารถ่ายรูปและเปิดบัญชี ตนนอนรอที่พื้นด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็มองตนแบบสมเพช ตนก็รู้สึกอาย เสียเกียรติ เสียชื่อเสียง คนในละแวกนี้รู้จักตนหมด เพราะตนเป็นคนปากเกร็ด


เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น เพราะวันรุ่งขึ้นทางเจ้าหน้าที่ได้มาที่บ้านพร้อมนำกระเช้า มาขอโทษตนเอง โดยบอกว่าเจ้าหน้าที่ทีชี้หน้าคนนั้นรู้สึกเสียใจและนอนไม่หลับทั้งคืน ตนไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้นเพียงอย่าดูคนที่ภายนอก จะมีจะจนก็คนเหมือนกัน อยากให้บริการลูกค้าด้วยความเสมอภาค และไม่อยากให้ลงโทษพนักงานคนใดๆในธนาคารแห่งนี้


นายสุชาต กล่าวว่า ตนอุ้มน้องไปที่ธนาคาร เมื่อเห็นแล้วแทนที่จะให้ไปรอที่รถก็ไม่เลย ให้นอนรอที่พื้น เข้าใจว่าเอกสารสำคัญต้องมีพยานด้วย แต่กรณีเคสแบบนี้ พนักงานตัดสินใจเองไม่ได้ก็ควรปรึกษาผู้จัดการมั้ยว่าควรทำยังไง ตนไม่อยากให้ใครตกงาน แต่อยากให้เป็นบทเรียนให้ทางธนาคารแก้ไข ทุกๆธนาคาร และไม่ต้องการฟ้องร้องด้วย ต้องการเพียงการบริการที่ดีกว่านี้เท่านั้น

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง