“อิหร่าน” เผชิญภัยแล้ง หนักสุดในรอบ 50 ปี! เขื่อนหลายแห่งเหลือน้ำไม่ถึง 5%

สถานการณ์ภัยแล้งกลายเป็นปัญหาใหญ่ของอิหร่านในตอนนี้ หลังเข้าสู่ฤดูฝนมากกว่า 50 วันโดยที่กว่า 20 จังหวัดยังไม่ได้รับฝนแม้แต่หยดเดียว เขื่อนที่มีปริมาณเกิน 5% ลดลงจาก 8 แห่งเหลือ 32 แห่ง ส่งผลให้ปัญหาขาดแคลนน้ำขยายทั่วประเทศ
ทางการอิหร่านได้เริ่มปฏิบัติการโปรยสารฝนหลวง โดยใช้สารไอโอดีนและเกลือโปรยจากเครื่องบินเพื่อกระตุ้นให้เกิดฝน ขณะที่กรุงเตหะรานมีปริมาณฝนเพียง 1 มิลลิเมตรในปีนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานรอบศตวรรษ และต่อเนื่องจากภัยแล้ง 5 ปีที่ผ่านมา ปริมาณหิมะทั่วประเทศลดลงกว่า 98% ราคาน้ำดื่มบรรจุขวดปรับสูงขึ้นและเริ่มมีการจำกัดการซื้อ
ขณะเดียวกัน ทั่วอิหร่านมีการจัดพิธีขอฝนในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันยังมีความเชื่อในบางกลุ่มว่าภัยแล้งครั้งนี้เป็น “การเตือนจากพระเจ้า” มีผู้นำศาสนาหลายรายโยงภัยแล้งเข้ากับปัญหาศีลธรรมในสังคมและพฤติกรรมที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงโต้แย้งว่าหากเป็นเช่นนั้น เหตุใดประเทศที่ไม่เคร่งศาสนาจึงยังอุดมไปด้วยฝน
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมชี้ว่า ปัญหาเกิดจากการบริหารจัดการน้ำผิดพลาดและการสูบน้ำบาดาลมากเกินไปในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา นักวิชาการบางส่วนเคยเตือนเรื่อง “ล้มละลายเรื่องน้ำ” แต่ถูกมองว่าเป็นคำที่สร้างความตื่นตระหนกจนไม่สามารถทำงานต่อได้ และหลายคนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ
ในกรุงเตหะราน เจ้าหน้าที่ระบุว่าประชาชนลดการใช้น้ำลง 10% ในช่วง 7 เดือน แต่จำเป็นต้องลดให้ได้ถึง 20% เพื่อป้องกันระบบน้ำพัง โรงผลิตน้ำเริ่มลดแรงดันน้ำหลังเที่ยงคืนเป็นประจำ แต่ยืนยันว่าจะไม่ตัดน้ำ
ประธานาธิบดี มาซูด เปเซชคีอัน เคยเตือนว่า หากไม่มีฝนภายในกลางเดือนธันวาคม กรุงเตหะรานอาจต้องเตรียมแผนอพยพประชากรบางส่วนไปทางตอนใต้ แม้หน่วยงานอื่นไม่เห็นด้วย แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำบางรายระบุว่าหากเขื่อนบางแห่งไม่มีน้ำจริง อาจต้องย้ายคนออกจากพื้นที่ที่พึ่งพาน้ำจากเขื่อนเป็นหลัก
ท่ามกลางวิกฤตนี้ นักสิ่งแวดล้อมอิหร่านมองว่ากระแสเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมกำลังเติบโตและเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ ขณะที่คำเตือนเรื่องภัยแล้งครั้งใหญ่กำลังทำให้สังคมอิหร่านยอมรับว่า “การปฏิเสธปัญหา” ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
