สมาร์ตโฟนจอมพลัง Xever 7 Pro เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่องนาน 180 วินาที

แบรนด์สมาร์ตโฟน RugOne แบรนด์ย่อยน้องใหม่ของ Ulefone เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นแรกอย่างเป็นทางการในชื่อ Xever 7 Pro เจาะกลุ่มผู้ใช้งานเฉพาะทาง ทั้งสายกิจกรรมกลางแจ้ง นักผจญภัย ช่างเทคนิค หรือผู้ที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบัน
สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ถูกออกแบบให้มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ พร้อมใส่นวัตกรรมที่แทบไม่เคยพบในสมาร์ทโฟนทั่วไป คือ ระบบ Hot-Swap แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง
เปลี่ยนแบตได้ทันที ไม่สะดุดการใช้งาน
จุดเด่นที่สุดของสมาร์ตโฟน Xever 7 Pro คือ แบตเตอรี่หลักความจุ 5,550 mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยภายในเครื่องมี แบตเตอรี่บัฟเฟอร์ (buffer battery) ทำหน้าที่สำรองพลังงานชั่วคราว เปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีเวลานานถึง 180 วินาที หรือประมาณ 3 นาที ในการถอดแบตเตอรี่ก้อนเดิมแล้วใส่ก้อนใหม่เข้าไป โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ไม่ต้องรีสตาร์ต และไม่กระทบแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งานอยู่
แนวคิดนี้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องใช้งานสมาร์ตโฟนต่อเนื่องในพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ทำงานภาคสนาม หรือภารกิจกลางแจ้งที่ต้องพกแบตเตอรี่สำรองหลายก้อน นอกจากนี้ การใช้แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวเครื่องในระยะยาว เพราะผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อเริ่มเสื่อมสภาพได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ ซึ่งแบตเตอรี่เสื่อมถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สมาร์ตโฟนจำนวนมากถูกเลิกใช้งาน
แข็งแกร่งระดับทหาร พร้อมใช้งานกลางแจ้งจริง
ในด้านความทนทานสมาร์ตโฟน Xever 7 Pro ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานสมบุกสมบันโดยเฉพาะ ตัวเครื่องผ่านการรับรองมาตรฐาน IP68/69K ป้องกันฝุ่นและน้ำ รวมถึงมาตรฐานทางทหาร MIL-STD-810H สามารถทนต่อการตกจากความสูงประมาณ 6.5 ฟุต หรือราว 2 เมตร และกันน้ำได้ลึกในระดับเดียวกัน ทำให้สามารถนำไปใช้งานใต้น้ำได้จริงจนถึงขั้นใช้เป็นกล้องแอ็กชันใต้น้ำโดยไม่ต้องพึ่งเคสเสริม
สมาร์ตโฟน Xever 7 Pro ยังมาพร้อมไฟฉายกำลังส่องสว่าง 230 ลูเมน ติดตั้งปุ่มกดทางกายภาพแยกต่างหาก ผู้ใช้สามารถกดเพื่อปรับระดับความสว่างได้ถึง 3 ระดับ เหมาะกับการใช้งานในเวลากลางคืนหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน
กล้องถ่ายภาพความร้อน FLIR และ Night Vision
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือการจับมือกับ FLIR เพื่อนำ กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Imaging Camera) มาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟน โดยใช้เซ็นเซอร์ Lepton 3.5 ซึ่งสามารถตรวจจับลายเซ็นความร้อนในที่มืด ผ่านควัน หรือในสภาพแวดล้อมที่สายตามองไม่เห็น รองรับช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ 14 องศาฟาเรนไฮต์ -10 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 842 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 450 องศาเซลเซียส
ฟีเจอร์นี้เหมาะทั้งการสังเกตสัตว์ป่าในเวลากลางคืน การติดตามร่องรอยความร้อน การตรวจสอบอุปกรณ์หรือเครื่องจักร รวมถึงการเช็กจุดเสี่ยงความร้อนสะสมที่อาจนำไปสู่ไฟไหม้ในพื้นที่แคมป์หรือไซต์งาน
นอกจากนี้ ยังมีกล้อง Night Vision ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับไฟ LED อินฟราเรด 4 ดวง ช่วยให้ถ่ายภาพในที่มืดสนิทได้อย่างชัดเจน ส่วนกล้องหลังหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพใต้น้ำโดยตรงโดยไม่ต้องใช้เคสกันน้ำเสริม
แม้จะไม่ได้เน้นเป็นสมาร์ตโฟนสายแรง แต่สมาร์ตโฟน Xever 7 Pro ก็ให้สเปกที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตัวเครื่องใช้ชิปเซ็ต octa-core MediaTek Dimensity 7025 จับคู่กับ RAM ขนาด 12 GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512 GB
หน้าจอเป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120 Hz ให้ความสว่างสูงสุดถึง 2,200 nits เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง และป้องกันรอยด้วยกระจก Gorilla Glass 3
อุปกรณ์เสริมชาญฉลาด พร้อมรองรับ Reverse Charge
RugOne ยังออกแบบอุปกรณ์เสริมอย่างแท่นชาร์จแบบพับได้ ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่สำรองไปพร้อมกับชาร์จตัวเครื่องได้ในเวลาเดียวกัน ด้วยกำลังไฟสูงสุด 28 W และยังใช้เป็นแท่นวางโทรศัพท์บนโต๊ะได้อีกด้วย ขณะเดียวกัน ตัวเครื่องยังรองรับการชาร์จย้อนกลับ (Reverse Charge) ผ่านพอร์ต USB-C เพื่อจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่น เช่น หูฟังไร้สายRugOne เปิดตัว Xever 7 Pro สมาร์ตโฟนพันธุ์อึดมาตรฐานทหารที่มาพร้อมนวัตกรรม Hot-Swap เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่องภายใน 3 นาที และติดตั้งกล้องถ่ายภาพความร้อน FLIR กับกล้อง Night Vision เพื่อการใช้งานเฉพาะทาง ครบเครื่องด้วยหน้าจอ AMOLED สู้แสง และฟีเจอร์กันน้ำกันกระแทกขั้นสุดในราคาประมาณ 21,100 บาท
ราคาและรุ่นทางเลือก
สมาร์ตโฟน Xever 7 Pro มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 15 และทางบริษัทระบุว่าจะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการต่อเนื่องอีก 3 รุ่น โดยรุ่นนี้วางจำหน่ายที่ 659.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 20,800 – 21,100 บาทไทย เมื่อแปลงค่าเงินเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนกลางปัจจุบัน
สำหรับผู้ที่ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องถ่ายภาพความร้อน ยังสามารถเลือก Xever 7 รุ่นมาตรฐาน ซึ่งยังคงจุดเด่นหลักอย่างแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ในราคาที่ถูกลงอยู่ที่ 529 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,700 – 16,900 บาทไทย เมื่อแปลงเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนกลางเช่นกัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
