รุดช่วยเด็ก 14 ถูกพ่อแท้ๆ ทำร้ายร่างกาย จนร่วงจากเก้าอี้ เผยรอแม่เด็กดำเนินการต่อ

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2 เปิดเผยถึงกรณีพ่อทำร้ายลูก ซึ่งในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปหา น้องบี อายุ 14 ปี ที่ร้านขายของชำในพื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยได้พบกับนางทิพย์ภัสสร์ ทองคำ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นอาของน้องบีให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.64 เวลา 18.20 น. ภาพวงจรปิดได้บันทึกว่าน้องบีถูกพ่อ คือนายวัฒนศักดิ์ ภู่ทิพย์ หรือเอก อายุ 41 ปี พ่อแท้ๆ ของน้องเข้ามาทำร้ายร่างกายในร้านขายของ ตนจึงพาน้องไปพบแพทย์และไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดให้เข้าไปคุยกันในวันที่ 30 พ.ย.64 ช่วงบ่ายโมง
นางทิพย์ภัสสร์เล่าว่า ส่วนตัวน้องบี รับมาอยู่ได้แค่ 3 เดือน เนื่องจากทางแม่ทำมาหากินลำบาก จึงให้น้องบีมาอยู่กับย่าก่อน และจะเอาเข้าเรียนต่อ เนื่องจากน้องบีได้ทำเรื่องหยุดเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ไว้ จะได้นำมาเข้าเรียนต่อที่ จ.นครสวรรค์ เพราะกลัวเด็กจะเรียนไม่ทันคนอื่น
ด้านนางพีรสุพัศ ภู่ทิพย์ อายุ 62 ปี ย่าของน้องบีและแม่ของนายวัฒนศักดิ์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น นั้นน้องไปมีปัญหากับเพื่อนรุ่นเดียวกันในละแลกบ้าน ซึ่งก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมาก แต่เป็นเพราะน้องบีเผลอไปโดนตัวทางฝั่งคู่กรณี จนทำให้พ่อแม่ฝั่งคู่กรณีไปบอกพ่อของน้องบีให้ตักเตือนลูก แต่กลับกลายเป็นว่ามาทำร้ายน้องบีอย่างรุนแรง โดนไม่สอบถามความเป็นมาให้ชัดเจนก่อน ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าน้องบีผิดหรือไม่ผิด แต่ก็ไม่ควรใช้วิธีการทำโทษรุนแรงกับน้องบีเช่นนี้ ป่าเถื่อนเกินไป จึงฝากไปถึงลูกชายด้วยว่าขอให้นึกถึงหัวอกลูก อย่าไปใช้ความรุนแรงกับลูกเช่นนี้ คนทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้
เมื่อถามถึงนายวัฒนศักดิ์ พ่อของน้องบี นางพีรสุพัศระบุว่า ได้เลิกกับแม่น้องบีไปตั้งแต่น้องบีอายุได้ 5 ขวบ และทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ ซึ่งน้องบีอยู่กับแม่ของเขาที่ จ.ตราด มาตลอด จนกระทั่งอาสาวได้รับมาอยู่ด้วย ส่วนนายวัฒนศักดิ์ปัจจุบันทำงานเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร และมีบ้านพักอยู่กับครอบครัวใหม่ของเขา
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์ได้เข้ามาช่วยเหลือและพูดคุยกับทางญาติเพื่อให้ได้รับความสบายใจ โดยเสนอให้น้องเข้าไปอยู่ในบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์ก่อนเพื่อความปลอดภัย และจะช่วยเหลือทุกเรื่องเท่าที่จะหาทางช่วยได้ แต่น้องบีปฏิเสธการเข้าไปอยู่ที่บ้านพักเด็ก โดยจะขอกลับไปอยู่กับแม่ที่ จ.ตราด ตามเดิม
ส่วนทางญาติจะขอดูแลน้องบีเอง แต่ก็ต้องรอว่าแม่ของน้องบีที่จะเดินทางมาหาจะดำเนินการอย่างไร ไม่ว่าจะเอาเรื่องดำเนินคดีพ่อของน้องบีหรือไม่ รวมถึงจะรับน้องบีกลับไปอยู่ จ.ตราด หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะมีการพูดคุยกับแม่ของน้องบีอีกครั้ง แต่หากน้องบียังอยู่กับอาของเขา อาเขารับปากว่า หลังจากนี้จะดูแลให้ดีขึ้นกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก