รีเซต

เจาะการทูต"หม้อไฟ" สานสัมพันธ์ มาเลเซีย-จีน

เจาะการทูต"หม้อไฟ" สานสัมพันธ์ มาเลเซีย-จีน
TNN ช่อง16
5 มิถุนายน 2568 ( 08:00 )
13

ของโปรดของคนจีน กับวัตถุดิบจากมาเลเซีย


"หม่าล่า-หม้อไฟ" เมนูจากจีน ที่ฮอตฮิตในเมืองไทยมาสักระยะแล้ว

จุดเด่น คือ น้ำซุปที่ใส่พริกหม่าล่าพร้อมด้วยน้ำมันที่ลอยฉ่ำๆอยู่ในหม้อ

ที่ประเทศจีน มีร้านหม้อไฟหม่าล่าแบบนี้เป็นจำนวนมาก

และล่าสุดประเทศมาเลเซียมองว่า นี่คือโอกาสทอง

จะขอดันน้ำมันปาล์มที่มีอยู่ ไปขายยังตลาดจีนให้มากขึ้น 

โดยชูจุดเด่นด้านสุขภาพ แทนที่น้ำมันวัวหรือไขมันสัตว์ในหม้อไฟเหล่านี้  

 

การทูตหม้อไฟ-หม่าล่า ระหว่างมาเลเซียและจีน 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเรื่องนี้ระบุว่า “มาเลเซีย” 

กำลังเร่งผลักดันให้ ‘น้ำมันปาล์ม’ของประเทศตนเอง

เข้าไปเจาะตลาดจีน โดยผ่านเมนูยอดฮิต หม้อไฟหม่าล่า 

โดยเน้นที่การชูจุดขายด้านสุขภาพ 

เพราะเป็นน้ำมันจากพืช มาแทนที่การใช้น้ำมันจากสัตว์


ปัจจุบันนี้มาเลเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก 

ได้จับมือกับนักวิจัยจีน  ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนไขมันสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่นำมาจากเนื้อวัว 

โดยชูจุดเด่นของน้ำมันปาล์มว่า เข้ากับกระแสหรือเทรนด์รักสุขภาพของคนในยุคปัจจุบัน 

และยังสะท้อนความร่วมมือระหว่างสองประเทศผ่าน “การทูตหม้อไฟ” 

โดยใช้รสชาติเป็นเครื่องมือเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ


"ชาน ฟุง ฮิน" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและสินค้าโภคภัณฑ์ของมาเลเซียกล่าวว่า

 นี่ไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนด้านอาหารเท่านั้น แต่นี่คือการทูตหม้อไฟอย่างแท้จริง

พร้อมระบุว่าน้ำมันปาล์มมาเลเซียนนั้นปราศจากคอเลสเตอรอล และผลิตจากแหล่งที่ยั่งยืน


ที่สำคัญ คือ จุดเด่น ของหม้อไฟหมาล่านั้น คือ ความเผ็ดร้อนแบบชาไปที่ลิ้น

จากการใช้พริกหมาล่าและพริกชี้ฟ้า ซึ่งให้สีแดงสดและเอกลักษณ์ของรสชาติเผ็ดร้อนแบบชาลิ้น


สำหรับผลการวิจัยเบื้องต้นของมาเลเซียพบว่า เครื่องปรุงสำเร็จรูปสำหรับทำน้ำซุปหม้อไฟ 

ที่ผลิตจากไขมันพืชบนฐานน้ำมันปาล์มใหม่นี้ 

สามารถเลียนแบบปริมาณไขมัน และประสบการณ์ทางรสสัมผัสได้ใกล้เคียงกับไขมันวัวแบบดั้งเดิม 

อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ และชาวมุสลิมอีกด้วย


ความริเริ่มครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของมาเลเซียในการใช้วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมน้ำมันปาล์มในจีน 

ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปรุงอาหารมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก


นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับผู้ผลิตอาหารรายอื่น ๆ 

เพื่อเปิดตลาดใหม่ให้น้ำมันปาล์มที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย 

ไม่ว่าจะเป็นในขนมรสหมาล่า ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ไปจนถึงการใช้งานในอุตสาหกรรม

" จีน = พระเอกขี่ม้าขาว " ช่วยอุ้มมาเลเซียยามเดือดร้อน

 

ทางการของมาเลเซีย ระบุว่าการค้าระหว่าง “มาเลเซีย” กับ “นครฉงชิ่ง” ของจีน 

ซึ่งเป็นเมืองที่นิยมหม้อไฟหม่าล่า เป็นเมืองสำคัญในภาคกลางของจีน  

มีมูลค่าสูงถึง 3,270 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1 แสนล้านบาท 

และน้ำมันปาล์มก็มีบทบาทสำคัญทั้งในเมนูอาหารหม้อไฟเหล่านี้  

ไปจนถึงในเคมีภัณฑ์สีเขียว และโอลีโอเคมีคัลส์ ซึ่งเป็นเคมีภัณฑ์จากธรรมชาติ  


รัฐมนตรีของมาเลเซียย้ำว่า ไขมันพืชจากน้ำมันปาล์ม เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า 

ทั้งยังคงรสชาติและเนื้อสัมผัสใกล้เคียงกับไขมันวัวแบบดั้งเดิม

และมาเลเซียภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาวัฒนธรรมอาหารของจีน 

ควบคู่ไปกับการกระชับความร่วมมือทางการค้าและเทคโนโลยีผ่านน้ำมันปาล์ม


มาเลเซียได้ผลักดันน้ำมันปาล์มเข้าสู่ตลาดจีนมากขึ้น

นับตั้งแต่ช่วงสองปีก่อน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มาเลเซีย

ต้องถูกต่อต้านจากอียู เนื่องจากกฎการทำลายป่า 

จีนจึงเปรียบเป็นเหมือนกับพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยมาเลเซียไว้ในวิกฤตนี้ 


อ้างอิงเรื่องนี้จาก South China Morning Post

รายงานเรื่องนี้่เมื่อช่วงกลางปีก่อน ระบุว่า 

มาเลเซียหวังส่งเสริมให้ร้านหม้อไฟในจีนใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบหลักของน้ำซุป

เพื่อช่วยกระจายตลาด หลังเจอกับการคว่ำบาตรภายใต้กฎระเบียบการตัดไม้ทำลายป่า 

ที่บังคับใช้โดยสหภาพยุโรป

โดยปีที่แล้ว มาเลเซีย และจีน ได้ฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต

ทั้งสองประเทศได้ต่ออายุข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าระยะเวลา 5 ปี 

และขยายความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสีเขียวและอาชญากรรมข้ามพรมแดน


จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียรายใหญ่เป็นอันดับสอง 

โดยปีที่แล้วซื้อสินค้าปาล์มน้ำมันที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งนี้ไปเกือบ 3.1 ล้านตัน 

ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระบุว่าเป็นสาเหตุของการทำลายป่าเป็นจำนวนมาก

และการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างเช่นลิงอุรังอุตัง


และมาเลเซียได้เล็งเห็นโอกาสจากร้านอาหารรูปแบบหม้อไฟในจีนซึ่งมีตัวเลขว่า

มีมากกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศ เมื่อปี 2021 

รัฐบาลจึงเริ่มวางแผนจูงใจผู้ประกอบการร้านหม้อไฟในประเทศจีน

ให้พิจารณาใช้น้ำมันปาล์มเป็นส่วนประกอบหลัก แทนที่ไขมันวัว

เพราะมีความยืดหยุ่นและมีเสถียรภาพภายใต้ความร้อนสูง 

ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับหม้อไฟหม่าล่า


ทั้งนี้การผลักดันการหม้อไฟหม่าล่าของมาเลเซียเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน หรือปี 2566 

เมื่อผู้ประกอบการร้านอาหารในประเทศและผู้ผลิตเชิงพาณิชย์ของซุปหม่าล่า

พยายามหาไขมันทางเลือกเพื่อชดเชยการขาดแคลนไขมันวัว 

ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้ไขมันวัวเนื่องจากมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีกว่า


ขณะที่ประเด็นวิพากษ์จากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลกระทบต่อป่าไม้และสัตว์ป่า 

นั้นรัฐบาลมาเลเซียยืนยันว่าได้หยุดการขยายพื้นที่เพาะปลูกปาล์มและเปิดระบบ 

การรับรองการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (MSPO) มาตั้งแต่ปี 2558

ประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง ผู้นำจีน" เยือนมาเลเซีย ตอกย้ำสัมพันธ์แน่นแฟ้น

 

จีนเป็นคู่ค้าเบอร์ 1 หรือรายใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย

ยาวนานถึง 16 ปี ติตต่อกัน  

และคาดว่าในอนาคตก็จะยิ่งจับมือส่งเสริมกันมากขึ้นไปอีกด้วย

สัญญาณที่ชัดเจนว่าสองชาตินี้มีความแน่นแฟ้น

ก็คือ การเยือนมาเลเซีย ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา 


เดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน

ได้เดินทางมาเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ 

นับเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 12 ปี 

โดยทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ 31 ฉบับ 

ครอบคลุมด้านการค้า โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม 


ขณะที่ล่าสุดปีนี้ แค่ 4 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคมถึงเมษายน พ.ศ. 2568) 

มูลค่าการค้าระหว่างมาเลเซียและจีนพุ่งแตะ 161.98 พันล้านริงกิต

หรือกว่า 36,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

มีกลุ่มหลัก คือ การส่งออกผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์  

อ้างอิงจากการแถลงข้อมูลจาก MATRADE :  Malaysia External Trade Development Corporation

ซึ่งเป็นหน่วยงานทางการค้าของรัฐบาลมาเลเซีย  


ในคำแถลงระบุว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าของประเทศกับจีนได้รับแรงผลักดันอีกครั้ง

หลังจากการเยือนล่าสุดของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน 

ซึ่งยืนยันถึงการจัดแนวทางเชิงกลยุทธ์ในด้านการพัฒนาสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล 

และโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคผ่านแผนริเริ่มต่างๆ เช่น โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง


ทั้งนี้ในปี 2567 การค้าทวิภาคีระหว่างมาเลเซียและจีนเติบโตขึ้น 7.5% 

คิดเป็น 16.8% ของการค้าทั้งหมดของมาเลเซีย


ในขณะเดียวกัน Matrade กล่าวว่าจะเป็นประเทศผู้นำ

ในการเข้าร่วมงาน China-Asean Expo ครั้งที่ 22 (Caexpo) ที่เมืองหนานหนิง ประเทศจีน

 ระหว่างวันที่ 17-21 กันยายนอีกครั้ง


รายงานระบุว่างานดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่บริษัทมาเลเซียที่มีศักยภาพสูงกว่า 100 แห่ง 

ในภาคส่วนต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม การดูแลสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ โซลูชันดิจิทัล

 พลังงานสะอาด และนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มโลกและความต้องการของตลาดจีน


พร้อมระบุอีกว่า ในขณะที่มาเลเซียรับหน้าที่ประธานอาเซียนในปีนี้ การเข้าร่วมงานเอ็กซ์โป

จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในการเสริมสร้างความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาค 

ส่งเสริมการเติบโตแบบครอบคลุม และเสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมกับจีน


นอกจากนี้ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์ ยังรายงานด้วยว่า 

นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง เรียกร้องให้มีการขยายความสัมพันธ์

ด้านการค้าและการลงทุนกับมาเลเซียมากขึ้นไปอีก

พร้อมเรียกร้องขอให้ทั้งสองประเทศรักษาการค้าเสรีและพหุภาคีเอาไว้ 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง