เจาะการทูต"หม้อไฟ" สานสัมพันธ์ มาเลเซีย-จีน

ของโปรดของคนจีน กับวัตถุดิบจากมาเลเซีย
"หม่าล่า-หม้อไฟ" เมนูจากจีน ที่ฮอตฮิตในเมืองไทยมาสักระยะแล้ว
จุดเด่น คือ น้ำซุปที่ใส่พริกหม่าล่าพร้อมด้วยน้ำมันที่ลอยฉ่ำๆอยู่ในหม้อ
ที่ประเทศจีน มีร้านหม้อไฟหม่าล่าแบบนี้เป็นจำนวนมาก
และล่าสุดประเทศมาเลเซียมองว่า นี่คือโอกาสทอง
จะขอดันน้ำมันปาล์มที่มีอยู่ ไปขายยังตลาดจีนให้มากขึ้น
โดยชูจุดเด่นด้านสุขภาพ แทนที่น้ำมันวัวหรือไขมันสัตว์ในหม้อไฟเหล่านี้
การทูตหม้อไฟ-หม่าล่า ระหว่างมาเลเซียและจีน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเรื่องนี้ระบุว่า “มาเลเซีย”
กำลังเร่งผลักดันให้ ‘น้ำมันปาล์ม’ของประเทศตนเอง
เข้าไปเจาะตลาดจีน โดยผ่านเมนูยอดฮิต หม้อไฟหม่าล่า
โดยเน้นที่การชูจุดขายด้านสุขภาพ
เพราะเป็นน้ำมันจากพืช มาแทนที่การใช้น้ำมันจากสัตว์
ปัจจุบันนี้มาเลเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ได้จับมือกับนักวิจัยจีน ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนไขมันสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่นำมาจากเนื้อวัว
โดยชูจุดเด่นของน้ำมันปาล์มว่า เข้ากับกระแสหรือเทรนด์รักสุขภาพของคนในยุคปัจจุบัน
และยังสะท้อนความร่วมมือระหว่างสองประเทศผ่าน “การทูตหม้อไฟ”
โดยใช้รสชาติเป็นเครื่องมือเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ
"ชาน ฟุง ฮิน" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและสินค้าโภคภัณฑ์ของมาเลเซียกล่าวว่า
นี่ไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนด้านอาหารเท่านั้น แต่นี่คือการทูตหม้อไฟอย่างแท้จริง
พร้อมระบุว่าน้ำมันปาล์มมาเลเซียนนั้นปราศจากคอเลสเตอรอล และผลิตจากแหล่งที่ยั่งยืน
ที่สำคัญ คือ จุดเด่น ของหม้อไฟหมาล่านั้น คือ ความเผ็ดร้อนแบบชาไปที่ลิ้น
จากการใช้พริกหมาล่าและพริกชี้ฟ้า ซึ่งให้สีแดงสดและเอกลักษณ์ของรสชาติเผ็ดร้อนแบบชาลิ้น
สำหรับผลการวิจัยเบื้องต้นของมาเลเซียพบว่า เครื่องปรุงสำเร็จรูปสำหรับทำน้ำซุปหม้อไฟ
ที่ผลิตจากไขมันพืชบนฐานน้ำมันปาล์มใหม่นี้
สามารถเลียนแบบปริมาณไขมัน และประสบการณ์ทางรสสัมผัสได้ใกล้เคียงกับไขมันวัวแบบดั้งเดิม
อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ และชาวมุสลิมอีกด้วย
ความริเริ่มครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของมาเลเซียในการใช้วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมน้ำมันปาล์มในจีน
ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปรุงอาหารมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับผู้ผลิตอาหารรายอื่น ๆ
เพื่อเปิดตลาดใหม่ให้น้ำมันปาล์มที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
ไม่ว่าจะเป็นในขนมรสหมาล่า ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ไปจนถึงการใช้งานในอุตสาหกรรม
" จีน = พระเอกขี่ม้าขาว " ช่วยอุ้มมาเลเซียยามเดือดร้อน
ทางการของมาเลเซีย ระบุว่าการค้าระหว่าง “มาเลเซีย” กับ “นครฉงชิ่ง” ของจีน
ซึ่งเป็นเมืองที่นิยมหม้อไฟหม่าล่า เป็นเมืองสำคัญในภาคกลางของจีน
มีมูลค่าสูงถึง 3,270 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1 แสนล้านบาท
และน้ำมันปาล์มก็มีบทบาทสำคัญทั้งในเมนูอาหารหม้อไฟเหล่านี้
ไปจนถึงในเคมีภัณฑ์สีเขียว และโอลีโอเคมีคัลส์ ซึ่งเป็นเคมีภัณฑ์จากธรรมชาติ
รัฐมนตรีของมาเลเซียย้ำว่า ไขมันพืชจากน้ำมันปาล์ม เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า
ทั้งยังคงรสชาติและเนื้อสัมผัสใกล้เคียงกับไขมันวัวแบบดั้งเดิม
และมาเลเซียภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาวัฒนธรรมอาหารของจีน
ควบคู่ไปกับการกระชับความร่วมมือทางการค้าและเทคโนโลยีผ่านน้ำมันปาล์ม
มาเลเซียได้ผลักดันน้ำมันปาล์มเข้าสู่ตลาดจีนมากขึ้น
นับตั้งแต่ช่วงสองปีก่อน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มาเลเซีย
ต้องถูกต่อต้านจากอียู เนื่องจากกฎการทำลายป่า
จีนจึงเปรียบเป็นเหมือนกับพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยมาเลเซียไว้ในวิกฤตนี้
อ้างอิงเรื่องนี้จาก South China Morning Post
รายงานเรื่องนี้่เมื่อช่วงกลางปีก่อน ระบุว่า
มาเลเซียหวังส่งเสริมให้ร้านหม้อไฟในจีนใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบหลักของน้ำซุป
เพื่อช่วยกระจายตลาด หลังเจอกับการคว่ำบาตรภายใต้กฎระเบียบการตัดไม้ทำลายป่า
ที่บังคับใช้โดยสหภาพยุโรป
โดยปีที่แล้ว มาเลเซีย และจีน ได้ฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต
ทั้งสองประเทศได้ต่ออายุข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าระยะเวลา 5 ปี
และขยายความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสีเขียวและอาชญากรรมข้ามพรมแดน
จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียรายใหญ่เป็นอันดับสอง
โดยปีที่แล้วซื้อสินค้าปาล์มน้ำมันที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งนี้ไปเกือบ 3.1 ล้านตัน
ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระบุว่าเป็นสาเหตุของการทำลายป่าเป็นจำนวนมาก
และการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างเช่นลิงอุรังอุตัง
และมาเลเซียได้เล็งเห็นโอกาสจากร้านอาหารรูปแบบหม้อไฟในจีนซึ่งมีตัวเลขว่า
มีมากกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศ เมื่อปี 2021
รัฐบาลจึงเริ่มวางแผนจูงใจผู้ประกอบการร้านหม้อไฟในประเทศจีน
ให้พิจารณาใช้น้ำมันปาล์มเป็นส่วนประกอบหลัก แทนที่ไขมันวัว
เพราะมีความยืดหยุ่นและมีเสถียรภาพภายใต้ความร้อนสูง
ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับหม้อไฟหม่าล่า
ทั้งนี้การผลักดันการหม้อไฟหม่าล่าของมาเลเซียเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน หรือปี 2566
เมื่อผู้ประกอบการร้านอาหารในประเทศและผู้ผลิตเชิงพาณิชย์ของซุปหม่าล่า
พยายามหาไขมันทางเลือกเพื่อชดเชยการขาดแคลนไขมันวัว
ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้ไขมันวัวเนื่องจากมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีกว่า
ขณะที่ประเด็นวิพากษ์จากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลกระทบต่อป่าไม้และสัตว์ป่า
นั้นรัฐบาลมาเลเซียยืนยันว่าได้หยุดการขยายพื้นที่เพาะปลูกปาล์มและเปิดระบบ
การรับรองการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (MSPO) มาตั้งแต่ปี 2558
ประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง ผู้นำจีน" เยือนมาเลเซีย ตอกย้ำสัมพันธ์แน่นแฟ้น
จีนเป็นคู่ค้าเบอร์ 1 หรือรายใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย
ยาวนานถึง 16 ปี ติตต่อกัน
และคาดว่าในอนาคตก็จะยิ่งจับมือส่งเสริมกันมากขึ้นไปอีกด้วย
สัญญาณที่ชัดเจนว่าสองชาตินี้มีความแน่นแฟ้น
ก็คือ การเยือนมาเลเซีย ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
เดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน
ได้เดินทางมาเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ
นับเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 12 ปี
โดยทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ 31 ฉบับ
ครอบคลุมด้านการค้า โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
ขณะที่ล่าสุดปีนี้ แค่ 4 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคมถึงเมษายน พ.ศ. 2568)
มูลค่าการค้าระหว่างมาเลเซียและจีนพุ่งแตะ 161.98 พันล้านริงกิต
หรือกว่า 36,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
มีกลุ่มหลัก คือ การส่งออกผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
อ้างอิงจากการแถลงข้อมูลจาก MATRADE : Malaysia External Trade Development Corporation
ซึ่งเป็นหน่วยงานทางการค้าของรัฐบาลมาเลเซีย
ในคำแถลงระบุว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าของประเทศกับจีนได้รับแรงผลักดันอีกครั้ง
หลังจากการเยือนล่าสุดของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน
ซึ่งยืนยันถึงการจัดแนวทางเชิงกลยุทธ์ในด้านการพัฒนาสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล
และโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคผ่านแผนริเริ่มต่างๆ เช่น โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
ทั้งนี้ในปี 2567 การค้าทวิภาคีระหว่างมาเลเซียและจีนเติบโตขึ้น 7.5%
คิดเป็น 16.8% ของการค้าทั้งหมดของมาเลเซีย
ในขณะเดียวกัน Matrade กล่าวว่าจะเป็นประเทศผู้นำ
ในการเข้าร่วมงาน China-Asean Expo ครั้งที่ 22 (Caexpo) ที่เมืองหนานหนิง ประเทศจีน
ระหว่างวันที่ 17-21 กันยายนอีกครั้ง
รายงานระบุว่างานดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่บริษัทมาเลเซียที่มีศักยภาพสูงกว่า 100 แห่ง
ในภาคส่วนต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม การดูแลสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ โซลูชันดิจิทัล
พลังงานสะอาด และนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มโลกและความต้องการของตลาดจีน
พร้อมระบุอีกว่า ในขณะที่มาเลเซียรับหน้าที่ประธานอาเซียนในปีนี้ การเข้าร่วมงานเอ็กซ์โป
จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในการเสริมสร้างความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
ส่งเสริมการเติบโตแบบครอบคลุม และเสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมกับจีน
นอกจากนี้ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์ ยังรายงานด้วยว่า
นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง เรียกร้องให้มีการขยายความสัมพันธ์
ด้านการค้าและการลงทุนกับมาเลเซียมากขึ้นไปอีก
พร้อมเรียกร้องขอให้ทั้งสองประเทศรักษาการค้าเสรีและพหุภาคีเอาไว้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
