ปตท.มั่นใจเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว จับตาโอเปกเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันช่วยราคาน้ำมันผ่อนคลายลง
ข่าววันนี้ เวลา 09.40 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนา “Boost Up Thailand 2022” รูปแบบไลฟ์สตรีมมิ่งผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “พลิกธุรกิจ สู้เศรษฐกิจหลังโควิด” จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์มติชน ว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้ คาดว่าจะกลับมาเติบโตที่ 5.9% ส่วนคาดการณ์ปี 2565 อยู่ที่ 5% ขณะที่ เศรษฐกิจไทย ในปี 2563 อยู่ที่ติดลบ 6% ส่วนปีนี้อยู่ที่ 0.7 – 1% และในปีหน้าหวังว่าจะโตมากกว่านี้ โดยมองจากตัวเลขรายไตรมาสนั้นดีขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว
ด้านราคาน้ำมันขณะนี้ผันผวนตามสภาวะตลาดโลก ในตอนนี้ราคาสูงขึ้นมาเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งโลก และตั้งแต่เกิดโควิดกลุ่มโอเปก พลัสรวมตัวกันด้วยดี จำกัดโควตาการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่ม ซึ่งต้องติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปกอย่างต่อเนื่อง หากมีการตกลงกันเรื่องการเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าแผนเดิมก็หวังว่าราคาน้ำมันจะผ่อนคลายลงมาบ้าง
ส่วนการใช้น้ำมันในประเทศนั้น เมื่อเทียบกันระหว่างครึ่งปีที่แล้วกับปีนี้ ยังอยู่ในระดับทรงตัว ยกเว้น น้ำมันเครื่องบิน ที่ยังคงติดลบอยู่ เนื่องจากการบินยังไม่กลับมาปกติ ส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติเริ่มมีการฟื้นตัวในการผลิตไฟฟ้า เติบโตขึ้นเกือบ 4% และในภาคอุตสาหกรรมเติบโตขึ้น 7% รวมถึงภาคปิโตเคมีเติบโต 6% เป็นสัญญาณที่ดีว่าภาคการผลิตกลับมาเริ่มกลับเข้ามาแล้ว
“มีการคาดการณ์ว่า จุดสูงสุดของน้ำมันโลก คือปี ค.ศ.2025 และจะค่อยๆลดลงเรื่อย ส่วนแนวโน้มของการใช้ก๊าซธรรมชาติของโลก ยังโตอย่างต่อเนื่องจนถึง ปี ค.ศ.2040 เพราะว่าก๊าซเป็นการใช้พลังงานจาฟอสซิลที่สะอาดที่สุด และทั่วโลกก็มีการลงทุนในด้านนี้จำนวนมาก ดังนั้นก๊าซธรรมชาติ จะเป็นพลังงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน ก่อนที่จะเป็นพลังงานทดแทนอย่างเต็มรูปแบบ สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่มีผลต่อกลยุทธ์ การทำงานของบริษัทน้ำมัน หรือของ ปตท.เอง”นายอรรถพลกล่าว
สำหรับความท้าทายในช่วงหลังโควิดนั้น คือ เรื่องของเทคโนโลยี เรื่องรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป และซัพพลายเชน ที่ต้องมาปรับตัว ว่าเมื่อเกิดภาวะวิกฤตจะไม่ล้มไปทั้งสาย ซึ่งเป็นเรื่องที่นักธุรกิจทั่วโลกต้องกลับมาทบทวน รวมถึงค่านิยมใหม่ เช่น ด้านสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ล้วนแล้วเป็นปัจจัยที่เข้ามาผลกระทบต่อการทำธุรกิจของทั้งโลก รวมถึงในประเทศไทย และบริษัท ปตท. ด้วย