บล.กสิกรฯชี้ ยุคทองของพันธบัตร แนะลดน้ำหนัก เงินสด-ทองคำ
#พันธบัตร #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย เผยแพร่บทวิเคราะห์ KS Asset Allocation 1) แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567 2) ยุคทองของพันธบัตร และ 3) การให้น้ำหนักสินทรัพย์
แนะนำให้เพิ่มน้ำการลงทุนเล็กน้อย: ตราสารหนี้ (พันธบัตรรัฐบาล) หุ้น (สหรัฐฯ และไทย) และREITs เป็นกลางต่อ สหภาพยุโรป จีน และอินเดีย ลดน้ำหนัก: เงินสด และทองคำ
บล.กสิกรไทยแนะนำ 1) ตราสารหนี้ (TMBGINCOME) 2) หุ้นทั่วโลก (K-USA และ K-US500X) 3) หุ้นเชิงกลยุทธ์ (PRINCIPAL KEQ และ K-VIETNAM)
Investment highlights
อัปเดตเศรษฐกิจทั่วโลก
1) 1) คาดการเติบโตของ GDP ทั่วโลกในปี 2567 จะชะลอตัวลงเหลือ 2.1% โดยสหรัฐฯที่ + 1.5% จีนที่ +4.2% และญี่ปุ่นที่ + 1.00 ขณะที่ยุโรป ไทย และเวียดนามคาดว่าจะเติบโตเร็วกว่าในปี 2566 ที่ 1.2% 3.2 และ 5.8% ตามลำดับ
2) Fed, ECB, BOE, BOJ, PBOC และ ธปท.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม จากการประชุมครั้งล่าสุด ขณะที่ Fed, ECB และ BOE กำลังพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า
3) จากประมาณการของเรา GDP ปี 2567 คาดว่าจะเติบโต 3.1% โดย ธปท.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% และอัตราเงินเอคาดว่าจะอยู่ที่ 0.8%
อัปเดตตลาดทั่วโลก
1) ดัชนี TOPIX ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในปี 2023 ที่ + 25.09% ตามมาด้วยดัชนี S&P 500 และดัชนี MSCI ACWI ขณะที่ SET ให้ผลตอบแทนน้อยสุดที่ -15.15%
2) เวียดนามมีการประเมินมูลค่าตลาดที่น่าดึงดูด ด้วยการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2567 ที่แข็งแกร่ง เทียบกับ PER (Z-Score) ล่วงหน้า
ยุคทองของพันธบัตร
1) Fed Dot Plot สิ้นปี 2567 อยู่ในช่วง 4.50-4.75% ซึ่งแสดงถึงการปรับลด 0.75% (75 bps) ระหว่างเดือน ธ.ค.2566 ถึงเดือน ธ.ค.2567 ส่วนปี 2568 ประมาณค่ากลางของ Fed Funds Rate ลดลงมาอยู่ที่ 3.50-3.75 ซึ่งหมายถึงการปรับลดอีก 100 bps ตามมาด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 75 bps ในปี 2569 ส่งผลให้อัตราเป้าหมายของ Fed Funds Rate ลดลงเหลือ 2.75-3.00%
2) ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Bloomberg Markets ระบุว่าน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 5 ครั้งจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในปี 2567
3) ราคาและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีความสัมพันธ์แบบผกผัน เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นราคาพันธบัตรจะลดลง และในทางกลับกัน
Implications
คำแนะนำ มุมมองของบล.กสิกรไทย ได้แก่ 1) ลดน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยในเงินสด พิจารณาให้ลงทุนในเงินฝากประจำของสหรัฐฯ หรือ US MMF แทน ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนที่น่าดึงดูดประมาณ 5%
2) เพิ่มน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยในตราสารหนี้ โดยเน้นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้อัตราผลตอบแทนน่าดึงดูด คาดว่าจะมีกำไรจากส่วนต่างราคา (capital gain) จากการลดอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่าการคาดการณ์ของ Fed
3) เพิ่มน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยในหุ้น จากภาวะถดถอยเล็กน้อยหรือไม่มีภาวะถดถอยในสหรัฐฯ ในสหรัฐฯ และสงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาสที่อยู่ในวงจำกัด และ 4) เป็นกลางต่อสินทรัพย์ทางเลือกโดยหลักแล้วมีไว้สำหรับการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ รวมถึงทองคำ
สำหรับความเสี่ยงจากภาวะเศษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นตกต่ำ หรือสงคราม บล.กสิกรไทย พิจารณาเปลี่ยนการลงทุนเล็กน้อยจากทองคำมาเป็นใน REIT ทั่วโลก โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้รับแรงกระตุ้นจากอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ทำให้มีส่วนเพิ่มจากการลงทุนในหุ้น REIT (REIT Equity Risk Premium)
การให้น้ำหนักสินทรัพย์ บล.กสิกรไทย ปรับลดน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยในเงินสดท่ามกลางแนวโน้มสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อยหรือไม่มีภาวะเศรษฐกิจถดถอย แนะนำเงินฝากประจำในสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ US MMF ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ประมาณ 5% ยังคงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อย จากอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
หุ้นยังคงอยู่ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง หุ้นสหรัฐฯคงอยู่ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยเช่นกัน โดยคาดว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง รวมเป็น 0.75% ภายในปีหน้า ขณะเดียวกัน เป็นกลางต่อสหภาพยุโรปจากความเสี่ยงของภาวะเศษฐกิจถดถอยทางเทคนิค ลดน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยในญี่ปุ่นตามความเสี่ยงของนโยบายแบบ hawkish และการแข็งค่าของเงินเยน ลดคำแนะนำสำหรับจีนเป็นเป็นกลางจากปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังปรับลดคำแนะนำสำหรับอินเดียเป็นเป็นกลางจากการประเมินมูลค่าตลาดที่สูง เพิ่มคำแนะนำสำหรับไทยเป็นเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยตามการเติบโตของ GDP ปรับดีขึ้นและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดน้ำหนักการลงทุนในทองคำเล็กน้อยจากมีการเพิ่มขึ้นของราคาที่จำกัดท่ามกลางสถานการณ์สงครามที่อยู่ในวงจำกัด และเพิ่มคำแนะนำสำหรับ Global REIT ตามผลตอบแทนที่น่าดึงดูดจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง
Monthly mutual fund recommendations
ตราสารหนี้ บล.กสิกรไทยแนะนำ K-FIXED และ TMBGINCOME อัตราผลตอบแทนพอร์ตน่าสนใจ K-FIXED YTM อยู่ที่ประมาณ 3.00% และ TMBGINCOME ที่ 7.31% ขณะที่อัตราผลตอบแทนปัจจุบันอยู่ที่ 4.85%
หุ้นทั่วโลก บล.กสิกรไทยชอบ K-USA สำหรับหุ้นที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมความได้เปรียบทางการแข่งชัน และ K-US500X-A ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อยหรือไม่มีภาวะเศรษฐกิจถดถอย และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed พิจารณาใช้กลยุทธ์ 'ซื้อเมื่อย่อตัวลง' (buy the dip)
หุ้นเชิงกลยุทธ์ บล.กสิกรไทยชอบ PRINCIPAL KEQ เนื่องจากหุ้นของเกาหลีใต้ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นในตลาดของประเทศที่พัฒนาแล้วในเอเชีย และมการเติมสต๊อกเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนี้ K-VIETNAM ยังคงได้รับความนิยมจากการบริโภคของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น การย้ายฐานการผลิตจากจีน และการประเมินมูลค่าที่น่าดึงดูดใจ
สำหรับมุมมองการจัดสรรสินทรัพย์ในไทย มีปัจจัยพื้นฐานด้านบวก คาด GDP ปี 2567 จะเติบโต 3.2% คาด EPS ปี 2567 จะเติบโต 16.4% อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. อยู่ที่ 2.5%นโยบาย "วีซ่าฟรี" สำหรับนักท่องเที่ยว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง : เป็นกลาง
ปัจจัยบวก : FDI ใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Amazon web services
โครงการลดหย่อนภาษี E-receipt สูงสุดที่ 50,000 บาท
ปัจจัยลบ : เงินเฟ้อลดลงเป็น -0.44 แต่ยังไม่อยู่ในภาวะเงินฝืด
รายได้จากการท่องเที่ยวไม่ถึงเป้าที่ 400,000 ลบ.
ดัชนี SET Index ซื้อขายด้วย PER ล่วงหน้าที่ 14.18 เท่า และ PBV ล่วงหน้าที่ 1.32 เท่า และ EYG ล่าสุดที่ 4.24% บล.กสิกรไทยมองว่า SET Index มีมูลค่าค่อนข้างเหมาะสมในแง่ของPER ที่ -0.08SD แต่ถูกกว่าในแง่ของ P/BV ที่ -2.20SD
กราฟนี้แสดงให้เห็นการลดลงของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (เส้นสีดำ) นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566 ขณะที่กองทุน ETF iShares อายุ 7-10 ปี Treasury Bond (IEF, เส้นสีส้ม) มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นเดียวกับกองทุนที่แนะนำอย่าง PIMCO GIS (เส้นสีน้ำเงิน)