AMRจ่อประมูล2.5พันล. โกยงานใหม่ตุนพอร์ต

ทันหุ้น - AMR ส่งซิกไตรมาส 3/64 เด่น เซ็นรับงาน 7 โครงการใหม่มูลค่ากว่า 247 ล้านบาท หนุนแบ็กล็อกในมือแน่น 1.46 พันล้านบาท แย้มอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีกกว่า 530 ล้านบาท คาดว่าทยอยเซ็นสัญญาได้ทั้งหมดในไตรมาส 3/64 และจ่อคิวประมูล 2.54 พันล้านบาท คาดว่าทยอยสรุปในช่วงที่เหลือปี 2564
นายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 3/2564มองว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน บริษัทได้มีการเซ็นสัญญารับงานใหม่เข้ามาเพิ่ม จำนวน 7โครงการ มูลค่ารวมกว่า 247 ล้านบาท ได้แก่ งานโครงการและวางระบบคมนาคมขนส่ง ระบบ ICT จำนวน 2 โครงการ มูลค่าราว 180 ล้านบาท, งานดูแลรักษาและซ่อมบำรุง ด้านการให้บริการปรึกษาด้านวิศวกรรม จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 52 ล้านบาท และงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 15 ล้านบาท เป็นต้น
งานใหม่จ่อคิว
ซึ่งเข้ามาช่วยสนับสนุนให้ปริมาณงานในมือรอส่งมอบและรับรู้รายได้ (Backlog) 1,497 ล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ที่มี Backlog อยู่ในมือประมาณ 1,250 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทยังมีงานที่ชนะการประมูลแล้วและอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญารับงาน (LOI) มูลค่ารวมอีกกว่า 527 ล้านบาท ประกอบด้วย งานโครงการและวางระบบ เกี่ยวเนื่องในงานระบบคมนาคมขนส่ง ระบบ ICT ระบบพลังงาน ระบบสาธารณูปโภค และเมืองอัจฉริยะ กว่า 512 ล้านบาท และงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์อีกราว 15 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยเซ็นสัญญารับงานได้ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ทั้งหมด
ปัจจุบันบริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างการเสนอและเตรียมการเสนอราคา อีก 2,542 ล้านบาท ประกอบไปด้วยงานโครงการและวางระบบ เกี่ยวเนื่องในงานระบบคมนาคมขนส่ง ระบบ ICT ระบบพลังงาน ระบบสาธารณูปโภค และเมืองอัจฉริยะ 2,439 ล้านบาท งานดูแลรักษาและซ่อมบำรุง ที่เป็นบริการซ่อมบำรุงสัญญารายปี ประมาณ 88 ล้านบาท และงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ราว 15 ล้านบาท เป็นต้น คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะทยอยได้ข้อสรุป
"ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้มองว่าการเติบโตของรายได้ในอาจทรงตัวจากปีก่อนที่ทำได้ราว 2,584.07 ล้านบาท เป็นผลจากการแพร่ระบาดขงไวรัสโควิด-19 ทำให้งานก่อสร้างต่างๆ มีความล่าช้า การส่งมอบงานมีความจำเป็นต้องเลื่อนออกไป ในขณะที่ปีก่อนเรามีการส่งมอบงาน 2 โครงการ ทำให้มีรายได้เข้ามาค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ดี เรายังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการและดูแลในทุกส่วนของธุรกิจเพื่อรักษากำไรให้มีการเติบโตที่ดีได้ต่อไป และรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 26-27%จากปีก่อน"นายมารุต กล่าว
เสริมฐานธุรกิจ
บริษัทยังมองเห็นโอกาสที่จะขยายความสามารถมาเป็นผู้ให้บริการอีกด้วย โดยนอยู่ระหว่างศึกษางาน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายรองย่านรังสิต ระยะทาง 2.3กิโลเมตร จำนวน 3 สถานี ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเข้าไปเจรจากับทางหน่วยงานรัฐท้องถิ่นบ้างแล้ว ก็คาดหวังว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้, งานให้บริการเคเบิลคาร์เพื่อการท่องเที่ยว, โครงการลงทุนแบบแบ่งรายได้จากการลดค่าไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และงานให้บริการสถานีเปลี่ยนแบตเตอรีรถจักรยานยนต์ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ตามที่กล่าวมาล้วนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการดำเนินงานในช่วง 3ปีข้างหน้าที่บริษัทจะเดินหน้าขยายการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่ง รวมถึงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งมองว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศโดยเฉพาะตามหัวเมือหลัก นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7-10% ขยับเพิ่มเป็น 20-30% ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า และเพิ่มเป็น 50% ในอนาคต เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น