รีเซต

นักสิทธิมนุษยชนมีไวเพื่อ? เมื่อ สว.อังคณา ถูกโซเชียลถล่ม หลังปราม กัน จอมพลัง ปล่อยเสียงผีไล่กัมพูชา | TNN Story Teller

นักสิทธิมนุษยชนมีไวเพื่อ? เมื่อ สว.อังคณา ถูกโซเชียลถล่ม หลังปราม กัน จอมพลัง ปล่อยเสียงผีไล่กัมพูชา | TNN Story Teller
TNN ช่อง16
16 ตุลาคม 2568 ( 16:09 )
33

เกิดอะไรขึ้นกับ สว. อังคณา ? น่าสนใจว่า คนไทยเข้าใจเรื่อง สิทธิมนุษยชน มากน้อยแค่ไหน ในสังคมประชาธิปไตย คนเราเห็นต่างกันได้ ยึดหลังเสียงข้างมาก แต่ต้องรับฟังเสียงข้างน้อย แต่ดูเหมือนคนในโซเชียลไทย  ส่วนหนึ่งจะไม่ใช่แบบนั้น ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เริ่มลังเลว่า การปล่อยเสียงผี ขับไล่ชาวกัมพูชา เป็นวิธีที่ถูกใจ แต่ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่ เป็นยุทธวิธีทางจิตวิทยา หรือ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ? โอ๋อยากลองชวนทุกคนมา ขบคิดจากเรื่องนี้ไปพร้อมๆกัน
—----------------------

กรณีข้อพิพาทชายแดน ไทย-กัมพูชา ที่ บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว กลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง เมื่อชาวกัมพูชายังไม่ยอมย้ายออก ตามเส้นตาย  10 ต.ค. ทำให้คนไทยอยากหาวิธีในการช่วยรัฐจัดการ  หนึ่งในนั้นคือ กัน จอมพลัง อินฟลูฯ สายลุย ได้เข้าไปในพื้นที่เปราะบางเพื่อกระทำการปล่อย “เสียงผี ” เพื่อก่อกวนการพักอาศัย จนกลายเป็นประเด็นที่คนในสังคมไทย  เกิดความเห็นต่าง เป็น 2 ฝ่าย  ฝ่ายหนึ่งมองว่า เป็น ยุทธวิธีทางจิตวิทยา หรือ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ?

โดยหนึ่งในคนที่ออกมาแสดงความเห็นต่าง คือคุณ อังคณา นีละไพจิตร สว.และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลก เธออุทิศตัวต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนมาทั้งชีวิตหลังเจอบาดแผลใหญ่  เมื่อสามีของเธอถูกอุ้มหายตัวไปในปี 2547  จนเธอได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ 
ทั้ง รางวัลควังจูเพื่อสิทธิมนุษยชน  ในปี พ.ศ. 2549 รางวัลแมกไซไซ  ในปี พ.ศ. 2562  ดังนั้น หลักการ และ การออกมาแสดงความคิดเห็นของเธอในเรื่องนี้ “อาจไม่ถูกใจ แต่เชื่อได้ว่ามีหลักการ ที่ควรค่าแก่การรับฟัง”

คุณอังคณา ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า  
“ การกระทำดังกล่าว อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการทรมานทางจิตวิทยา ตามอนุสัญญา CAT ที่ประเทศไทยเป็นภาคี และทุกอย่างถูกรายงานไปยังองค์การสหประชาชาติ  อาจไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์และจะทำให้ไทยเสียเปรียบในเวทีโลกได้ ”

ส่วนตัวโอ๋เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายล้วนแต่เจตนาดีกับประเทศไทย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า คุณอังคณา กำลังโดนโจมตี

ทั้งที่สิ่งที่เธอแสดงความเห็น อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง  กลับถูกล่าแม่มด และ ถูกพร้อมเรียกร้องให้ตรวจสอบจริยธรรม  
ลามไปถึงการตั้งคำถามเกี่ยวกับ  “ความเป็นคนไทย” ของเธอ 

น่าขบคิดนะว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่เราบอกว่า เราเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่ทุกวันนี้ใครแสดงความเห็นอะไรที่ไม่ถูกใจ “ชาวโซเชียล” 
จะเจอดราม่า ล่าแม่มด ขุดอดีต ใช้คำพูดเหยียด เพราะมองเรื่องความสะใจ  มากกว่า เหตุและผล 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณอังคณา ทำให้อยากตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้ว
คนไทยมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน มากน้อยแค่ไหน?


—-----------
นักสิทธิมนุษยชนสำคัญอย่างไร?
—----------
นักสิทธิมนุษยชน  คือใคร ?
สิ่งที่กำหนดว่าใครเป็นนักสิทธิมนุษยชน ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งหรืออาชีพ แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขาทำ 
หากผู้นั้นทำหน้าที่ ส่งเสริม หรือ ปกป้อง สิทธิมนุษยชน ด้วยวิธีการที่สันติ ใช่หมด 

เพราะตามหลักของ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ระบุว่า
“ ทุกคนมีศักดิ์ศรีและสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ไม่ว่ารัฐจะรับรองหรือไม่ก็ตาม”
ปกป้อง “สิทธิมนุษย์ในทุกด้าน” เช่น การประหารชีวิตโดยพลการ  การทรมาน  
การเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ หรือ ศาสนา  สิทธิแรงงาน ไปจนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม

แต่ไม่ใช่ว่า นักสิทธิมนุษยชน 1 คนต้องรณรงค์ในทุกๆเรื่อง แต่คือผู้สร้างสมดุล ให้มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน
โดยที่ไม่พึ่ง การคัดเลือกตามธรรมชาติ เพียงอย่างเดียว เพราะตามธรรมชาติคัดสรร 
ผู้แข็งแกร่งย่อมได้เปรียบ นั่นอาจทำให้เพศหญิง หรือ ผู้ที่อ่อนแอกว่า ถูกเอาเปรียบได้

ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของนักสิทธิมนุษยชน  แม้ความเห็นของพวกเขา 
"ถูกต้อง แต่ไม่ ถูกรับฟัง " คือเหตุการณ์ ก่อนเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว โดยนาซี 

ฮิตเลอร์  ได้เถลิงอำนาจและปกครองด้วยแนวคิด ชาตินิยมสุดโต่ง ปลูกฝังความเกลียดชังต่อชาวยิว  ว่าไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของผู้มีอารยัน
(ชาวเยอรมันแท้ ผมทอง ตาสีฟ้า ที่มีสิทธิจะได้ปกครองโลก ชาวยิวสมควรถูกกำจัด) ตอนนั้น…มีนักสิทธิมนุษยชน นักบวช และนักศึกษาเยอรมันหลายคน พยายามออกมาให้ความรู้ประชาชน ต่อต้านนโยบายรัฐสุดโต่ง แต่ในประเทศ เผด็จการ เสียงของพวกเขามักดังไม่พอ  ส่วนใหญ่มักถูกจับกุมไปปรับทัศนคติ หรืออุ้มหายไป จนเกิดเหตุการณ์อัปยศในหน้าประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ  ที่มีประชาชนผู้บริสุทธ์ต้องสังเวยชีวิตไปกว่า 6 ล้านคน 
 

ปัจจุบัน ฝั่งนักเคลื่อนไหวผู้หญิง นักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ ประกาศยืนเคียงข้างอังคณา
พร้อมเรียกร้องให้สังคมหันมาสร้างวัฒนธรรมแห่งความเข้าใจและสันติภาพ เพราะความรักชาติที่แท้ไม่อาจตั้งอยู่บนซากศพของเพื่อนมนุษย์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาล กองทัพ และองค์กรอิสระ ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างโปร่งใส  และยุติการใช้วาทกรรมชาตินิยมที่สร้างความเกลียดชัง 

ดังนั้นก็อาจจะสรุปได้ว่า นักสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่ผู้ที่โลกสวย แต่คือผู้ที่มองมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
และลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องสิทธิที่พวกเราแต่ละคนพึงมี ปกป้องมนุษย์ทุกคนที่กำลังถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
โดยที่ไม่ต้องรู้จักกัน หรือ มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน แค่เป็นเพื่อนมนุษย์เหมือนกันเท่านั้นเอง
และคอยย้ำเตือนไม่ให้มนุษย์ กลับไปทำร้าย มนุษย์ด้วยกันซ้ำ เหมือนเฉกเช่นที่ผ่านมา....
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง