นายกฯ มีวิสัยทัศน์เพิ่มความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการไทย จับกระแสพัฒนาของโลกให้ทัน
วันที่ 12 กรกฎาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมถึงการทำงานของรัฐบาลต่อกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีโรงงานในประเทศปิดตัว ว่าในช่วงเวลาที่ทุกประเทศประสบกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ เป็นช่วงในการเปลี่ยนผ่านที่โลกธุรกิจต้องปรับตัว จับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกให้ทัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดวิสัยทัศน์การทำงานของรัฐบาลให้เตรียมการเพื่อต่อสู้กับช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงนี้มาตลอด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ บางส่วนเป็นส่วนหนึ่งในช่วงของการเปลี่ยนผ่านตามกระบวนการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลมีความตั้งใจวางแผนปรับการผลิตในประเทศด้วยอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ เกิด s-curve ใหม่ มีการจ้างงานใหม่ ที่มีทักษะสูงขึ้น พร้อมกันนี้ รัฐบาลมีส่วนร่วมกับเอกชนระดับโลกในการพัฒนาแรงงานเดิม ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของไทยค่อยๆ เปลี่ยนผ่านเป็นระบบเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมใหม่ อุตสาหกรรมอนาคต ที่ทำให้เกิด impact ในระบบเศรษฐกิจสูง พร้อมกับการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติในธุรกิจอนาคตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีกับผู้ประกอบการไทย
โดยในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการควบคู่ไปกับการสนับสนุน ยกระดับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของโรงงานเก่าที่ยังไม่ปิดตัว พร้อม ๆ กับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากจากโรงงานที่ปิดตัวตามขั้นตอน
“อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วงการเปลี่ยนผ่านนี้มาระยะหนึ่งแล้ว อย่างต่อเนื่อง และมีสัญญาณจากเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจว่ากำลังผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการเร่งเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อประคับประคองธุรกิจเดิม และสนับสนุนธุรกิจใหม่ให้ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ไปด้วยดี เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และยังมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อให้มีระดับ GDP ที่ 5% และทำให้ลูกจ้างมีค่าจ้าง มีรายได้ที่สูงขึ้นอย่างมั่นคงในอนาคต” นายชัย กล่าว
ภาพจาก รัฐบาลไทย