รีเซต

'นิพนธ์' ปัดแกล้ง 'แม่ธนาธร' ยันซื้อที่ป่าจริง เปิดช่องอุทธรณ์-ยื่นศาลปกครองสู้

'นิพนธ์' ปัดแกล้ง 'แม่ธนาธร' ยันซื้อที่ป่าจริง เปิดช่องอุทธรณ์-ยื่นศาลปกครองสู้
มติชน
5 เมษายน 2565 ( 14:35 )
66
'นิพนธ์' ปัดแกล้ง 'แม่ธนาธร' ยันซื้อที่ป่าจริง เปิดช่องอุทธรณ์-ยื่นศาลปกครองสู้

เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 5 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ์หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเพิกถอนเอกสิทธิถือครองที่ดิน น.ส.3 ก. ของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และ บุตรอีก 2คน คือ น.ส.ชนาพรรณ และ นายธนาธร ว่า นางสมพร มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมที่ดินภายใน 15 วัน เมื่ออุทธรณ์ต่อกรมที่ดินแล้วไม่เป็นผล นางสมพรมีสิทธิไปฟ้องศาลปกครองได้ เพราะถือว่า การเพิกถอนเป็นคำสั่งทางปกครอง จึงต้องไปดูว่า ศาลปกครองจะพิจารณาอย่างไร

 

ทั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่ได้ทราบว่า นางสมพรยื่นเรื่องมาหรือยัง หากนางสมพรไม่ได้อุทธรณ์ก็ถือว่าจบ เพราะการเพิกถอนมีผลอยู่แล้ว และถือว่า ไม่มีเอกสารสิทธินั้น โดยที่ดินดังกล่าว จะคืนสภาพเป็นที่ป่า การให้ศาลปกครองตรวจสอบ ถือเป็นเรื่องดี เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะศาลปกครอง จะได้ดูพยานหลักฐานทั้งหมดว่า เป็นไปโดยชอบหรือไม่

 

เมื่อถามถึงกรณีที่ นางสมพร ระบุว่าถือครองที่ดินดังกล่าวมา 30 ปี ไม่มีปัญหา แต่เมื่อนายธนาธรเล่นการเมืองมีคดีเกิดขึ้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า กรณีนี้ให้ความเป็นธรรมกับนางสมพร เพราะนางสมพร ไปซื้อที่ดินต่อมาจริง แต่เมื่อมีการร้องเรียน ก็ต้องตรวจสอบ ซึ่งได้ความจริงว่า มีหนังสือจากกรมพัฒนาที่ดิน และกรมป่าไม้ มายืนยันว่า พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ป่าถาวร ซึ่งครม. ประกาศตั้งแต่ปีพ.ศ. 2512 ทางกรมที่ดินไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

 

เมื่อถามว่า การดำเนินการดังกล่าวถูกมองว่า เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองต่อนายธนาธร นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ซึ่งได้กำชับกรมที่ดินว่า ต้องให้ความเป็นธรรม เมื่อไปดูสารบบการจัดซื้อที่ดินจำนวน 60 แปลง หลายแปลงอาจจะอยู่ในเขตป่า ซึ่งทางนั้นก็รับทราบ และยินดีรับโอน จึงมีผลว่า นางสมพร อาจจะรับรู้ตั้งแต่ก่อนโอนแล้ว จึงเซ็นรับไว้

 

“ผมพยายามดูเรื่องนี้ เพราะเกรงกลัวที่จะอ้างว่า ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ผมได้กำชับทุกฝ่ายไปทำให้เกิดความธรรมที่สุด ซึ่งเมื่อผมมาดูแผนระวาง รวมถึงดูเจ้าหน้าที่เดินสำรวจและรับทราบรายงาน ก็ไม่มีทางอื่น เพราะระบบโครงข่ายการรังวัดด้วยดาวเทียมแบบจลน์ (RTK GNSS Network) ที่ใช้ตรวจ พบความคลาดเคลื่อนน้อยมาก เพราะดูจากรูปถ่ายดาวเทียม ลงแผนที่เป๊ะหมด มีอยู่ 1 แปลงจาก 60 แปลงที่บางส่วนคาบเกี่ยว ซึ่งถ้าคาบเกี่ยวนอกเขตก็ต้องให้เขา และให้เขาไป ในส่วนที่ไม่ติดก็ไปแก้โฉนดให้ถูกต้อง” นายนิพนธ์ กล่าว

 

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะคาบเกี่ยวกับคดีอาญาหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของกรมที่ดิน ต้องไปดูว่า ใครมีหน้าที่ดูแลเขตป่า เช่น กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ต้องว่าไป และใครมีอำนาจตามกฎหมายก็ต้องไปดูว่า สามารถดำเนินคดีอาญาได้หรือไม่ เพราะคดีอาญาต้องดูที่เจตนา ถ้าไม่มีเจตนา ก็ว่ากันไป ถ้ามีเจตนาก็เข้าสู่คดีอาญา

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง