“งานกินดองหนูพุก” แห่งแรกของโลก !! เสี่ยหอบเงิน 2 หมื่น เสี่ยหอบเงิน 2 หมื่น จัดขันหมากเจ้าบ่าวสู่ขอเจ้าสาว หวังพัฒนาสายพันธุ์ส่งตลาด
นครพนม – “งานกินดองหนูพุก” แห่งแรกของโลก !! เสี่ยหอบเงิน 2 หมื่น จัดขันหมากเจ้าบ่าว ”นำโชค” สู่ขอเจ้าสาว ”กำไรทอง” หวังพัฒนาสายพันธุ์ส่งตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ฟาร์มหนูพุกใหญ่ อ.กฤต ตั้งอยู่บ้านต้นแหน หมู่ 1 ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม ได้มีพิธีแต่งงานหนูพุกใหญ่ ซึ่งจัดคล้ายพิธีแต่งงานของคน พร้อมสินสอดทองหมั้นยกขันหมากมาแต่งเจ้าสาว จำนวน 19,999 บาท แถมเรือนหอด้วย โดยมีแขกเหรื่อเครือข่ายฟาร์มผู้เลี้ยงจาก จ.อำนาจเจริญ มุกดาหาร และจากหลายอำเภอในจังหวัดนครพนม มาร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 100 คน โดยจัดโต๊ะจีนรองรับแขกด้วยเมนูหลักใช้หนูพุกเป็นวัตถุดิบ
ฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นหนูเพศผู้ชื่อ “นำโชค” อายุ 8 เดือน เดินทางมาจากฟาร์มเสี่ยวิทย์หนูพุกใหญ่ จ.มุกดาหาร นำโดยนายประวิทย์ สามงามแก้ว อายุ 38 ปี มาสู่ขอหนูพุกเพศเมียชื่อ”กำไรทอง ลุ่มน้ำก่ำ” ฟาร์มของนายกฤตภพ จำปาจีน อายุ 51 ปี โดยฝ่ายเจ้าบ่าวใส่เสื้อสีแดง แห่ขันหมากมาสู่ขอเจ้าสาว ผ่านประตูเงินประตูทอง เสียค่าซองเช่นงานแต่งทั่วไป หลังวางสินสอด 19,999 บาท มีเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวเป็นคนยืนเคียงข้างกรง เมื่อฝ่ายเจ้าสาวนับเงินสินสอดครบ ก็พาเจ้าบ่าวเจ้าสาวลงเรือนหอเป็นวงบ่อซิเมนต์ปูด้วยผ้าลายดอกฉลุสีชมพูขาวเพื่อผสมพันธุ์
นายกฤตภพเจ้าของฟาร์มหนูพุกใหญ่ ในฐานะญาติฝ่ายเจ้าสาวเปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้ต้องการโลกจดจำ ซึ่งเป็นงานสมรสหนูแห่งแรกของประเทศไทย และพัฒนาสายพันธุ์ให้แพร่หลาย เป็นที่นิยมของผู้เลี้ยงและผู้บริโภค ให้มั่นใจว่าเนื้อหนูอร่อยกว่าหมูหัน หนังกรอบนอกนุ่มในละมุนลิ้น ผู้ที่ลิ้มลองเมนูนี้บอกว่าหมูหันชิดซ้าย
นายกฤตภพเล่าต่อว่า พื้นเพเป็นชาวจังหวัดจันทบุรี ก่อนหน้านี้ชักชวนภรรยาเปิดร้านหมูกระทะ แต่มีคู่แข่งเยอะวันไหนขายไม่หมดวัตถุดิบก็บูดเน่า มีวันหนึ่งจึงเข้าไปในโลกออนไลน์ พบเห็นการเลี้ยงหนู จึงเบนเข็มมาศึกษาดูวิธีเลี้ยงจากยูทูปและเลี้ยงได้ 3 ปีแล้ว โดยซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ 5 คู่มาจากจังหวัดขอนแก่น ในราคาคู่ละ 500 บาท นำมาเลี้ยงในวงบ่อซิเมนต์ขนาด 80 ซ.ม. ซึ่งตนได้ดัดแปลงเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ ด้วยการนำตัวผู้สายพันธุ์จากขอนแก่น มาผสมพันธุ์กับหนูพุกเพศเมียลุ่มน้ำก่ำ อ.นาแก จนกลายมาเป็นสายพันธุ์ลุ่มน้ำก่ำ จนเป็นที่รู้จักของผู้เลี้ยง ซึ่งสายพันธุ์นี้มีคุณสมบัติน้ำหนักเยอะ ตัวโต เป็นที่ต้องการของตลาด และมีเครือข่ายผู้เลี้ยงในหลายอำเภอของจังหวัดนครพนม
หลังพัฒนาสายพันธุ์มาได้ 3 ปี จึงตั้งเพจในโลกโซเซียลและไลน์กลุ่มชื่อ”ฟาร์ม หนูพุกใหญ่ อ.กฤต นครพนม” มีผู้เลี้ยงสนใจและสั่งซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ในราคาคู่ละ 500 บาท หรือสั่งซื้อพ่อพันธุ์ 2 ตัว แม่พันธุ์ 1 ตัว ชุดละ 1,000 บาท ปัจจุบันขยายเลี้ยงกว่า 100 วงบ่อ และยังขายเนื้อหนูชำแหละด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคไปทำเมนูอบ ผัดเผ็ด ทอดกะเทียมพริกไทย หรือแกงอ่อมหนู เป็นต้น
ซึ่งพ่อพันธุ์แม่พันธ์ที่ฟาร์มแห่งนี้จะมีลูกค้าจาก จ.อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ขอนแก่น พะเยา อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว สั่งซื้อไปเลี้ยงขาย ทำให้ตนมีรายได้จากขายพ่อพันธ์แม่พันธุ์ตกเดือนละ 40,000-50,000 บาท ดีกว่าเปิดร้านขายหมูกระทะเสียอีก
ด้านนายประวิทย์ เจ้าของฟาร์มเสี่ยวิทย์หนูพุกใหญ่ กล่าวว่า เลี้ยงหนูที่ฟาร์ม จ.มุกดาหาร จำนวน 150 วงบ่อซิเมนต์ รู้จักกับนายกฤตภพเจ้าของฟาร์มแห่งนี้ จึงนำหนูเพศผู้ชื่อ “นำโชค” มาสู่ขอเจ้าสาว “กำไรทอง” หลังผสมพันธุ์กันประมาณ 1 เดือน เจ้าสาวจะตั้งท้องและคลอดลูกได้มากถึง 5-16 ตัว น้ำหนักลูกที่คลอดหากขุนเลี้ยงจะมีน้ำหนัก 1.4-1.5 กิโลกรัม ตัวไหนน้ำหนักไม่ถึงหลังเลี้ยง 4 เดือน ก็จะชำแหละขายเนื้อ มีรายได้ต่อเดือนราว 20,000-30,000 บาทเลยทีเดียว และมีเครือข่ายเลี้ยงมากถึง 70 ฟาร์มแล้ว
สาเหตุที่ยอมลงทุนจัดขันหมากมาสู่ขอเจ้าสาวถึงถิ่นนครพนม เพราะเป็นสายพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาด โดยจะนำไปพัฒนาสายพันธุ์ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป