ราคาบิทคอยน์ สัปดาห์นี้สามารถรีบาวน์ได้ แต่จะหลุดช่วงขาลงได้หรือไม่?

ราคาบิทคอยน์ ในช่วงนี้ ถือว่ายังเป็นขาลง จากความกังวลทำให้หลายๆปัจจัยกดดัน  โดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโทเคอรี์เรนซี ที่กำลังมุ่งหน้าลงสู่จุดต่ำสุดในรอบเกือบแปดปี  การเก็งกำไรในตลาดสกุลเงินดิจิทัลค่อยๆ หายไป โดยเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมบิทคอยน์  อีเทอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมายร่วงลงสู่จุดต่ำสุด และปัจจุบันก็ยังคงยืนอยู่ในจุดต่ำสุดเช่นเดิม 

เว็บไซต์ th.investing.com ได้เปิดเผยบทวิเคราะห์ ว่า มี 3 เหตุผลว่าทำไมตลาดคริปโทฯ จะสามารถคืนชีพกลับมาได้ ได้แก่

1. ในเชิงอุดมคติแล้ว สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่เกิดจากเจตจำนงเสรีของฝ่ายเสรีนิยม ที่ปฏิเสธการควบคุมของรัฐบาล เมื่อศรัทธาและเครดิตของรัฐบาลลดลง สกุลเงินดิจิทัลอาจมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก

2. นโยบายการเงินแบบตึงตัวในปัจจุบันกำลังเปิดพื้นที่เตรียมตัวรอวิกฤตเศรษฐกิจครั้งต่อไป ซึ่งก็จะนำไปสู่ลูปการเพิ่มสภาพคล่องและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แน่นอนว่าสภาพคล่องที่สูงขึ้นไม่เคยเป็นข่าวดีของสกุลเงินเฟียต อย่างที่เราเห็นมาแล้วในปี 2020  สงครามในยุโรป ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และผลกระทบทั้งหมดจากการบิดเบือนอุปทานในระบบเศรษฐกิจ จะยิ่งทำให้ผู้คนตระหนักได้ และสกุลเงินดิจิทัลก็จะกลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลักมากขึ้น

3.สกุลเงินดิจิทัลแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของการปฏิวัติเทคโนโลยีและฟินเทค การปรับปรุงความเร็ว การเพิ่มประสิทธิภาพของการบันทึกธุรกรรมทางการเงิน การยอมรับเทคโนโลยีบล็อคเชนอย่างแพร่หลาย และการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลถืปเป็นเพียงก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินเท่านั้น

ภาพประกอบจาก : AFP

ขณะที่ในสัปดาห์นี้ บิทคับ ได้ประเมิน  ราคา Bitcoin ว่า จะสามารถรีบาวน์ได้ที่แนวรับสําคัญ ณ ราคา 28,630 ดอลลาร์(~982,000 บาท) ในวันที่ 19 พ.ค. แต่ราคายังไม่สามารถทะลุผ่านเส้น Downtrend หรือแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ ทําให้โมเมนตัมยังถือว่าเป็นขาลงอยู่

หากราคาหลุดแนวรับสําคัญที่ 28,630 ดอลลาร์ (~982,000 บาท) ลงไปราคามีโอกาสทดสอบจุดตํ่าสุดของวันที่ 20 พ.ค. ณ ราคา 26,700 ดอลลาร์  (~916,000 บาท) หากแนวรับดังกล่าวยังเอาไม่อยู่ ราคามีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ราคา 25,000 ดอลลาร์ (~858,000 บาท) และ 21,800 ดอลลาร์ (~748,000บาท) ตามลําดับ

ในทางกลับกัน หากราคาสามารถรีบาวน์จากระดับราคา 28,630 ดอลลาร์(~982,000 บาท) และทะลุผ่าน Downtrend line หรือเส้นแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ ราคาจะมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่เส้นค่าเฉลี่ย 20 วันแบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (EMA-20) ณ ระดับราคา 32,332 ดอลลาร์ (~1,109,000 บาท)

อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของ บิทคอยน์ และอิทธิพลต่อนโยบายสาธารณะของสหรัฐอเมริกา  โดยไม่ใช่ Cryptocurrency ทุกตัวที่จะเหมือนกัน และความ Decentralize ของ Bitcoin เป็นสิ่งที่ทําให้เหรียญคริปโทฯ อันดับหนึ่งของโลกนั้นพิเศษ นี่คือสิ่งที่หมายถึงนโยบายสาธารณะ

ประการแรกเราไม่สามารถทึกทักกันเองได้ว่าเหรียญคริปโทฯ ทุกเหรียญนั้นเหมือนกันหมด บิทคอยน์  ขึ้นมาเป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งได้เพราะไม่มีใครชี้นํา ได้โดยแท้จริง  การออกนโยบายต่าง ๆ จําเป็นต้องคํานึงถึงความเข้าใจในบิทคอยน์เป็นหลัก ไม่ใช่มองจากมุมมองที่มองไปยังเหรียญคริปโทอื่น ๆ

ประการที่สอง บิทคอยน์ น่าเชื่อถือเพราะเครือข่ายนั้นมีความเป็นกลางอย่างแท้จริง การนํา บิทคอยน์ มาใช้เป็นสินทรัพย์สํารอง หรือใช้ชําระเงินด้วย BTC  จะคล้ายกับการนําทองคําไปใช้ในระบบการเงิน แต่เป็นโลกดิจิทัล พกพาสะดวกกว่า แบ่งส่วนได้มากขึ้น และง่ายต่อการตรวจสอบและยืนยัน

ขณะเดียวกัน การที่ Opensea เปิดตัว Seaport marketplace ฟีเจอร์ใหม่ที่ทําให้ซื้อ NFT ได้ด้วย NFT  โดยจะทําให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยน NFT ด้วยการรับ NFT แทนได้ แทนที่จะรับเป็นสกุลเงินอย่าง ETH อย่างเดียว สามารถทํารายการแลกเปลี่ยนด้วยการเสนอ ETH, ERC-20, ERC-721, และ ERC-1155" เพื่อแลกกับ NFT ที่ตัวเองต้องการได้ เป็นการผสมผสานโทเคนมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อสร้างวิธีการชําระเงินรูปแบบใหม่  ซึ่งก็มีผลต่อวงการคริปโทฯและราคาสกุลเงินดิจิทัลเช่นกัน 

ภาพประกอบจาก : AFP

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของ บิทคอยน์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 นั้นแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2561 หลังจากราคาบิทคอยน์อ่อนตัวไปหลายสัปดาห์ ทำให้ตลาดคริปโทฯก้าวสู่ช่วงขาขึ้นของตลาดหมี แต่ตลาดจะฟื้นตัวได้เมื่อไหร่นั้น เชื่อว่าบรรดานักเทรดก็คงจะตั้งตารอกันอยู่

อ้างอิงข้อมูล : บิทคับ ,th.investing.com 

ภาพจาก : AFP