‘สินทวีชัย’ชี้แข้งไทยโดนเอาเปรียบสัญญา แนะนำเช็คให้ดีก่อนเซ็น

จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ทำให้การแข่งขันฟุตบอลลีกภายในประเทศต้องเลื่อนออกไปจนถึงเดือนกันยายน ส่งผลกระทบถึงสโมสรที่ขาดรายได้และขาดสภาพคล่อง จนบางสโมสรต้องออกมาลดเงินเดือนนักเตะ หรือขั้นหนักคือการยกเลิกสัญญากับนักเตะทั้งทีมในช่วงนี้ไปนั้น

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง “ตี๋” สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายกสมาคมนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ ถึงแนวทางการช่วยเหลือนักเตะที่ถูกยกเลิกสัญญา ได้รับการเปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ ได้ทำการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสอบถามไปยังสหพันธ์นักเตะอาชีพนานาชาติ (ฟิฟโปร) ทำตามหลักการที่สามารถทำได้ไปหมดแล้ว

“การที่นักเตะโดนลดเงินเดือนถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนัก แต่ตอนนี้ทุกคนก็ได้รับผลกระทบกันหมด ไม่ว่าจะเป็นสโมสร, สมาคมฯ หรือนักฟุตบอล ถ้าหากลองถามนักฟุตบอลนั้นพวกเขายอมโดนหักเงินได้ แต่เรื่องเงื่อนไข ตัวเลขที่ถูกหัก มันอาจน่าตกใจและดูเยอะเกินไป”

อดีตจอมหนึบทีมชาติไทย กล่าวต่อว่า ในส่วนของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพไทย ก็ได้ทำหนังสือไปขอคำชี้แจงจากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แล้ว ได้รับคำตอบว่าว่าเรื่องนี้มันเป็นแค่แนวทาง ไม่ใช่ข้อบังคัง อยู่ที่สโมสรจะคุยกับนักฟุตบอลอย่างไร แต่ให้มันอยู่ในแนวทางเดียวกัน อยู่ในพื้นฐานของเหตุผลและความเป็นไปได้ อย่างเช่นสัญญานักฟุตบอลที่จะหมดเดือนตุลาคม แต่การแข่งขันยืดไปถึงพฤษภาคม มันก็ต้องยืดออกไปตามระยะเวลา สุดท้ายเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สโมสรกับนักเตะต้องคุยกันเอง

“ส่วนใหญ่ตอนนี้พอรู้แนวทางที่ปฏิบัติร่วมกัน หลายสโมสรนั้นก็มีการจัดการ คุยกับนักเตะ เพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุด ที่สามารถเดินร่วมกันไปได้ออกมา”

สินทวีชัย กล่าวต่อว่า ส่วนที่บางทีมนั้นยกเลิกสัญญากับนักเตะยกทีมนั้น ตนมองว่ามันคือปัญหาที่ปลายเหตุ เมื่อมองกลับไปต้นเหตุก็ต้องไปดูด้วยว่าสัญญาดังกล่าวที่นักกีฬาเซ็นกับสโมสรนั้น มันมีข้อตกลงอะไรบ้าง ที่มีช่องว่างให้นักเตะเสียเปรียบหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่มันมีช่องว่างสำหรับบางสโมสรที่อาจจะจริยธรรมน้อยเกินไป ใช้เป็นข้อได้เปรียบของสโมสรฝ่ายเดียว

“สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่นักเตะตัดสินใจเซ็นสัญญาไปแล้ว เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ดังนั้นหลังจากนี้ควรจะทำอย่างไร สมาคมนักฟุตบอลอาชีพไทย ก็ทำได้แค่แนะนำในส่วนที่เขาสามารถทำได้ ให้รักษาสภาพร่างกายเอาไว้ รอโอกาสที่จะกลับมา และแนะนำสัญญาครั้งต่อไป ก่อนเซ็นควรจะศึกษาให้ดี ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงแนะแนวทางให้ ไม่ใช่คนที่มีผลประโยชน์ก้วย แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความรู้กับนักฟุตบอล เพราะมันเป็นส่วนเล็กๆ ที่อยากจะพัฒนาวงการฟุตบอลไทยมากกว่านี้”