ภัยสงครามรัสเซียปะทุอีก หลังกระสุนปืนใหญ่ตกโรงเรียนยูเครน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อว่ารัสเซียมีแผนโจมตียูเครนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ หลังเกิดเหตุกองทัพยูเครนและกองกำลังแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาส เปิดฉากยิงกันครั้งใหม่
---รัสเซียขับเจ้าหน้าที่ทูตอันดับ 2 สหรัฐฯ---
สหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียว่า ขับเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงหมายเลข 2 ที่ปรึกษาของสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโกออกจากประเทศโดยไม่มีเหตุผลใดๆ และเรียกการกระทำของรัสเซียว่า ยิ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครีรยดในช่วงนี้ ที่มีการขัดแย้งกันสูงเหนือวิกฤตยูเครนอยู่แล้ว
บาร์ท กอร์แมน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองเพียงเอกอัครราชทูตในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโกเท่านั้น ถูกรัสเซียสั่งขับออกนอกประเทศในช่วงต้นปีนี้ และให้เวลา 2 สัปดาห์เดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งกอร์แมนเดินทางกลับถึงสหรัฐฯแล้ว
ด้านทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่ากำลังพิจารณาแนวทางตอบโต้ทางการทูตต่อรัสเซียเช่นกัน
ประเด็นทางการทูตครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการบุกโจมตียูเครนของรัสเซียและ คำเตือนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดีที่ว่า เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ แล้ว สหรัฐฯเชื่อว่า รัสเซียมีแผนโจมตียูเครนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
---แก้ปัญหาทางการทูตยังเป็นไปได้---
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนยังคงเชื่อว่าเป็นไปได้ที่จะหาทางออกด้วยแนวทางทางการทูตซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความกังวลของรัสเซีย เรื่องขีปนาวุธขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโตและการซ้อมรบทางภาคตะวันออกของยุโรป
ด้าน “แอนโทนี บลิงเค่น” ของสหรัฐฯ ระบุว่ารัสเซีย ว่ากำลังจะกุเรื่องจัดฉากสร้างสถานการณ์ในรัสเซียเพื่อป้ายสียูเครน ใช้เป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการบุกโจมตียูเครนภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้
นการกล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ หรือ UNSC บลิงเคนแจกแจงวิธีการต่าง ๆ ที่รัสเซียจะกุเรื่องจัดฉากขึ้น เพื่อเป็นข้ออ้างเปิดฉากโจมตี เช่น การเกิดเหตุระเบิดโดยฝีมือผู้ก่อการร้ายในรัสเซีย, การพบหลุมฝังศพขนาดใหญ่ , การใช้โดรนโจมตีพลเมือง ไปจนถึงการใช้อาวุธเคมีโจมตี ซึ่งอาจจะใช้จริงหรือกุเรื่องขึ้นก็ได้
หลังจากการจัดฉากเหล่านั้น บลิงเคนชี้ว่า รัฐบาลรัสเซียจะแกล้งทำเป็นเรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อปกป้องคนเชื้อสายรัสเซียในยูเครน จากนั้น รัสเซียจะเริ่มระดมทิ้งระเบิดและยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายต่าง ๆ ในยูเครน พร้อมกับโจมตียูเครนทางไซเบอร์ด้วย
ด้านรัสเซียโต้คำกล่าวหาของสหรัฐฯ ไม่มีมูลความจริง และกล่าวหาสหรัฐฯ กลับว่า กำลังเติมเชื้อไฟซ้ำเติมสถานการณ์ให้ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
---กระสุนปืนใหญ่ตกใส่โรงเรียนอนุบาล---
ท่ามกลางความคลางแคลงใจของชาติตะวันตกและนาโตที่มีต่อคำกล่าวอ้างว่ารัสเซียกำลังถอนทหารบางส่วนที่ประชิดชายแดนยูเครนออกไป สถานการณ์ทางภาคตะวันออกของยูเครนก็ทวีความตึงเครียดเช่นกัน
หลังมีรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนฝังใฝ่รัสเซีย ยิงปืนใหญ่ถล่มหลายหมู่บ้านใน เมืองลูฮันส์ และลูกปืนตกใส่โรงเรียนอนุบาลได้รับความเสียหาย เด็กๆ และเจ้าหน้าที่ต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น
ทหารยูเครนได้เข้าสำรวจความเสียหายในโรงเรียนดังกล่าวเมื่อวานนี้ (17 กุมภาพันธ์) พบว่า สนามเด็กเล่นเต็มไปด้วยเศษซากของการถูกโจมตี ด้านรัฐบาลยูเครนระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คนในโรงเรียนอนุบาลชื่อ สตานิตเชีย ลูฮันสกาที่ถูกโจมตี แต่ไม่มีเด็กได้รับบาดเจ็บ
กลุ่มกบฏยังยิงปืนใหญ่ถล่มอีกหลายจุดในหมู่บ้านที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล เสียหายหลายหลัง และปรากฏรอยกระสุนตามกระจกหน้าต่างของบ้านแตกเสียหาย ขณะที่ประชาชนคิดว่า สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว
ส่วนภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดที่ถ่ายเมื่องกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้เอง โดยบริษัท แม็กซาร์ ของสหรัฐฯ เชี่ยวชาญเทคโนโลยีอวกาศ ยืนยันทหารรัสเซีย 150,000 นายที่ประชิดชายแดนยูเครน ปิดล้อมยูเครนถึง 3 ด้านบริเวณชายแดนยูเครนที่ติดกับรัสเซียและเบลารุส พร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน
---ท่าทีเบลารุส---
ก่อนหน้านี้กระทรวงต่างประเทศเบลารุสระบุว่า จะไม่มีทหารรัสเซียหรือยุทโธปกรณ์แม้แต่หน่วยเดียวอยู่ในประเทศ หลังจากการซ้อมรบร่วมกันครั้งใหญ่ของเบลารุสและรัสเซียบริเวณชายแดนยูเครนสิ้นสุดลง
ล่าสุด ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ผู้นำเบลารุสประกาศว่า สามารถใช้เบลารุสเป็นฐานที่ตั้งอาวุธนิวเคลียร์ได้หากเผชิญกับภัยคุกคามจากภายนอก เนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างรัสเซียและตะวันตกเหนือวิกฤตยูเครน
พร้อมให้ทหารรัสเซียประจำการอยู่ในประเทศได้นานเท่าที่ต้องการ หลังจากเสร็จสิ้นการซ้อมรบในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่สร้างความกังวลต่อชาติตะวันตก
ด้านสำนักข่าวอาร์ไอเอ รายงานอ้างคำกล่าวของดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ว่า เรื่องของการขยายการประจำการของทหารรัสเซียในเบลารุสนั้น ไม่ได้อยู่ในวาระ รายงานข่าวยังอ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีลูคาเชนโก ที่บอกว่า เบลารุสอาจเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์บางส่วนที่รัสเซียนำเข้ามาซ้อมรบร่วมในขณะนี้ไว้ โดยเขามีแผนการที่จะหารือเรื่องนี้กับทางรัสเซีย
---ผู้นำรัสเซียต้องรับผิดชอบหากเกิดสงคราม---
ที่กรุงบรัสเซลล์ เบลเยียม ลอยด์ ออสตินรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า รัสเซียยังคงเคลื่อนกำลังพลบริเวณพรมแดนติดกับยูเครน และไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียกำลังถอนทหารตามที่กล่าวอ้าง
รัฐมนตรีออสตินกล่าวในการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมขององค์การนาโตว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นตรงข้ามกับที่รัสเซียได้บอกไว้ คือมีการเพิ่มกำลังทหารจากจำนวนมากกว่า 150,000 คนที่ประจำการบริเวณพรมแดนติดกับยูเครนแล้ว นอกจากนี้ยังเห็นการเพิ่มเสบียงเลือดสำรองในบริเวณดังกล่าวด้วย ซึ่งชัดเจนว่าไม่ใช่การเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านแน่นอน
ออสติน กล่าวว่า หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เลือกทำสงครามมากกว่าการเจรจาทางการทูต ผู้นำรัสเซียเองที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเลือกหนทางแห่งสันติภาพและความเคารพต่ออธิปไตยเหนือดินแดนของยูเครน ก็จะถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อรัสเซียและประชาชนรัสเซียเองเช่นกัน
---จดหมายจากรัสเซียถึงสหรัฐฯ---
สำนักข่าว CNN รายงานว่า ทำเนียบเครมลินส่งคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษรต่อข้อเสนอด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ แล้ว ระบุว่า "การเพิ่มขึ้น" กิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ และ NATO ใกล้กับพรมแดนของรัสเซีย "เป็นเรื่องน่าตกใจ"
ก่อนหน้านี้ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า จะส่งจดหมายตอบกลับสหรัฐฯเป็นลายลักษณ์ต่อข้อเสนอด้านความมั่นคง ที่สหรัฐฯ ส่งมาให้รัสเซีย ทั้งในรูปแบบกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์ภายในเมื่อวานนี้ และจะมีการเปิดเผยให้ประชาชนสองฝ่ายได้รับรู้
สำนักข่าว AFP รายงานว่า ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ระบุเมื่อวานนี้ ว่าการถอนกำลังทหารรัสเซียรอบพรมแดนยูเครนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาพอสมควร หลังจากรายงานการถอนกำลังทหารของรัสเซียทำให้เกิดความกังขาจากพันธมิตรของยูเครน
มีรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินยังไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องของสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย ที่ผ่านร่างกฎหมายรับรอง “สาธารณรัฐลูฮันสก์” และ “สาธารณรัฐโดเนตสก์” ในภูมิภาคดอนบาสส์ ที่แยกตัวเป็นอิสระทางตะวันออกของยูเครน
—————
แปล-เรียบเรียง: สันติ สร้างนอก และ สุภาพร เอ็ลเดรจ
ภาพ: Aris Messinis / AFP