“ดัชนีการเมืองไทย” ได้คะแนน 4.80 แก้ปัญหาความยากจน “ยังไม่ผ่าน”
วันนี้ (29 ก.ย. 67) "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 4.80 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน เพิ่มขึ้นจาก 4.46 คะแนน ในการสำรวจเมื่อเดือน ส.ค.67 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นจากการสุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศจำนวน 2,183 คน ระหว่างวันที่ 23-27 ก.ย.67 ผ่านตัวชี้วัด 25 ประเด็น
ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.41 คะแนน ส่วนตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาความยากจน เฉลี่ย 4.32 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 51.70 รองลงมาคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 29.94
ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 38.43 รองลงมา คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 34.10
ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เริ่มจ่ายเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบาง ร้อยละ 61.33
ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบงบประมาณปี 2568 ร้อยละ 50.78
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยเพิ่มขึ้นทุกตัวชี้วัดครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยได้ปัจจัยเชิงบวกที่สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน ทั้งการได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ การเร่งแจกเงินหมื่นช่วยคนเปราะบาง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม การช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผลงานเหล่านี้เข้าถึงปากท้องและครัวเรือนของประชาชนโดยตรง ทำให้รับรู้ได้ว่ารัฐบาลกำลังมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะมีความกังวลผลของเงินหมื่นในระยะยาวแต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง
นายเขมภัทท์ เย็นเปี่ยม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยปรับเพิ่มขึ้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยคะแนนของฝ่ายค้านเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วเป็นเพราะการทำหน้าที่อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 มีการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนได้ ขณะที่คะแนนฝั่งรัฐบาลก็ขยับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เนื่องจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่และการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยลงตัว และได้เริ่มขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ ๆ เช่น นโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ตที่ปรับเปลี่ยนมาแจกรูปแบบเงินสด ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับเงินหมื่นจริง ๆ รวมทั้งการที่รัฐบาลคลอดมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประสบอุทกภัย ทำให้รู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน
แม้ว่าการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมจะมีความล่าช้าก็ตาม รวมทั้งการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเริ่มขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คะแนนของนายกรัฐมนตรีและผลงานของรัฐบาลขยับเพิ่มขึ้น
ภาพจาก: ทำเนียบรัฐบาล