วิธีเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้องดูอะไรบ้าง ?
ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวเลือกแรก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์คันใหม่ เนื่องจากมีจุดเด่นในด้านของค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมไปถึงการใช้พลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังคงมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึงการซื้อ
1. ความจุแบตเตอรี่และระยะทางที่วิ่งได้ไกลที่สุด
ความจุแบตเตอรี่เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดระยะทางที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ไกลที่สุด โดยรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นจะมีความจุแบตเตอรี่ที่แตกต่างกันไป รถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดตัวถังใหญ่จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า ส่งผลให้มีระยะทางที่วิ่งได้ไกลกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสม เช่น การเดินทางไปทำงานระยะใกล้ หรือการขับรถยนต์ทำงานระยะไกล
2. รูปแบบหัวชาร์จ
แม้ว่าปัจจุบันรูปแบบหัวชาร์จอาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญและแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยได้เตรียมพร้อมหัวชาร์จต่าง ๆ ที่รองรับการใช้งานเอาไว้แล้ว แต่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหัวชาร์จต่าง ๆ เช่น
หัวชาร์จแบบ AC Type 2 หัวชาร์จแบบกระแสสลับแบบมาตรฐานสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ 90% บนโลก รองรับการจ่ายไฟฟ้า 43 kW และใช้งานแพร่หลายในประเทศไทยรองรับการจ่ายไฟฟ้า 22 kW
หัวชาร์จแบบ DC CCS2 ที่ใช้งานตามมาตรฐานยุโรปและในประเทศจีน สำหรับในประเทศไทยหัวชาร์จแบบ DC CCS2 รองรับการจ่ายพลังงานไฟฟ้าด้วยกระแสไฟฟ้าสูงสุด 350 kW และรองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงสุด 50-120 kW
และหัวชาร์จแบบ DC CHAdeMO ตามมาตรฐานแบบญี่ปุ่น ใช้งานแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น ไม่นิยมใช้งานในประเทศไทยมีตู้ชาร์จสาธารณะเพียงไม่กี่แบรนด์ที่ใช้หัวชาร์จแบบนี้ โดยรองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงสุด 50-60 kW
3. ราคาและค่าบำรุงรักษา
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นอาจยังคงมีราคาสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น และขนาดความจุแบตเตอรี่ ผู้ซื้อควรพิจารณาราคาและค่าบำรุงรักษาให้เหมาะสมกับงบประมาณของตนเอง ซึ่งในบางกรณี เช่น แบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงอาจสูงกว่ารถยนต์พลังงานน้ำมันหลายเท่าตัว
4. การรับประกันและบริการหลังการขาย
การรับประกันมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับเจ้าของรถ ช่วยให้เจ้าของรถมั่นใจได้ว่าหากรถยนต์มีปัญหาหรือเสียหาย จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
เช่นเดียวกับบริการหลังการขาย หรือบริการต่าง ๆ ที่ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายรถยนต์มอบให้กับเจ้าของรถ เช่น การซ่อมบำรุง เปลี่ยนอะไหล่ การช่วยเหลือฉุกเฉิน เป็นต้น บริการหลังการขายที่ดีจะช่วยให้เจ้าของรถสามารถใช้งานรถยนต์ได้อย่างสบายใจและมีประสิทธิภาพ
5. การทำ Checklist ก่อนการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
การทำ Checklist เป็นการตรวจสอบข้อมูลประกอบการตัดสินใจขั้นสุดท้ายก่อนการตัดสินซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยการกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ของรถยนต์ที่ผู้ใช้งานต้องการ และเปรียบเทียบกับแบรนด์รถยนต์ที่ตนเองให้ความสนใจ เช่น
ระยะทางวิ่ง ระยะเวลาในการชาร์จ โปรโมชั่นของแถมและสิทธิพิเศษ คุณสมบัติด้านสิ่งอำนวยความสะดวกภายในตัวรถยนต์ การทดลองนั่งขับและนั่งในตำแหน่งต่าง ๆ ของรถยนต์ มีความรู้สึกปลอดภัยหรือมีคุณสมบัติพิเศษอย่างไร
ที่มาของข้อมูล