สหรัฐฯ ส่งข้อตกลงใหม่ให้อิหร่านพิจารณา ควบคุมการพัฒนายูเรเนียม

ทำเนียบขาวยืนยันเมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ ได้ส่งข้อเสนอข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่ไปยังอิหร่านอย่างเป็นทางการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของเตหะราน ซึ่งส่อแววจะนำไปสู่การผลิตอาวุธนิวเคลียร์
ข้อเสนอดังกล่าวถูกส่งผ่าน สตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศของโอมานเป็นผู้ถ่ายทอดให้กับ อับบาส อารักชี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านระหว่างเยือนเตหะรานระยะสั้น
ทำเนียบขาวระบุว่า ข้อเสนอใหม่นี้อยู่ใน "ผลประโยชน์สูงสุดของอิหร่าน" และเป็น “ข้อเสนอที่ละเอียดและยอมรับได้”
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ย้ำว่า ทรัมป์ยังยึดมั่นในหลักการเดิม คือ อิหร่านต้องไม่มีวันได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
ด้านอารักชีโพสต์บน X ว่า อิหร่านจะตอบข้อเสนอสหรัฐฯ โดยยึดหลักผลประโยชน์แห่งชาติและสิทธิของประชาชน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของข้อเสนออย่างชัดเจน
รายงานล่าสุดจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) พบว่า อิหร่านได้เสริมสมรรถนะยูเรเนียมจนมีความบริสุทธิ์ถึง 60% แล้ว หากเพิ่มระดับเป็น 90% ซึ่งเป็นระดับสำหรับอาวุธ ก็จะมากพอสำหรับผลิตอาวุธนิวเคลียร์ประมาณ 10 ลูก
อย่างไรก็ตาม อิหร่านถือเป็นประเทศเดียวที่ไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์แต่กลับผลิตยูเรเนียมในระดับนี้
ขณะที่สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี เตรียมผลักดันให้คณะผู้ว่าการ IAEA ระบุว่าอิหร่านละเมิดพันธกรณีตามข้อตกลงไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) อิหร่านตอบโต้ว่า รายงานของ IAEA มีแรงจูงใจทางการเมืองและไร้หลักฐาน
ข้อตกลงนิวเคลียร์ JCPOA ที่ลงนามในปี 2015 เคยจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างเข้มงวด แลกกับการยกเลิกคว่ำบาตร ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนี้ในปี 2018 พร้อมกล่าวหาว่า JCPOA เป็นข้อตกลงที่แย่ และเริ่มใช้ยุทธศาสตร์กดดันสูงสุดต่ออิหร่าน นับแต่นั้น อิหร่านค่อย ๆ เพิ่มระดับการเสริมสมรรถนะและลดความร่วมมือกับ IAEA อย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ประเมินว่า หากอิหร่านตัดสินใจเดินหน้าผลิตอาวุธ อาจสามารถผลิตยูเรเนียมระดับอาวุธได้ในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ และสร้างระเบิดได้ภายในไม่กี่เดือน