”ทรัมป์“ ส่งสัญญาณ ยุติขึ้นภาษีจีน ชี้กระทบการค้า

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณว่าจะถึงจุดสิ้นสุดของจากการขึ้นภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีนแล้ว
หลังจากผู้นำสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว ที่ห้องทำงานรูปไข่ ภายในทำเนียบขาว เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ( 17 เมษายน 2568 ) ว่า เขาไม่ต้องการให้ภาษีศุลกากรสูงขึ้นไปอีก เพราะเมื่อสูงเกินไป ผู้คนก็จะไม่ซื้อสินค้า ดังนั้นเขาอาจจะไม่ต้องการขึ้นภาษีให้สูงไปถึงระดับนั้น และต้องการให้ภาษีลดลงด้วยซ้ำเพื่อให้มีคนซื้อสินค้า เพราะมาตรการภาษีอาจทำให้การค้าระหว่างกันหยุดชะงัก พร้อมเผยว่า ทางการจีนได้ติดต่อเพื่อขอเจรจาทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ หลายครั้ง
ทั้งนี้ ตลาดทั่วโลกมีปฎิกิริยาที่รุนแรง หลังจากสหรัฐฯ ได้เปิดตัวภาษีตอบโต้ หรือภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทน เมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายสิบประเทศ และอยู่ในระหว่างระงับใช้เป็นเวลา 90 วัน ขณะที่ภาษีทั่วไปพื้นฐานในอัตรา 10% มีผลบังคับใช้แล้ว
และหลังจากนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ ยังได้ประกาศขึ้นอัตราภาษีนําเข้าสินค้าจีน อีกหลายครั้ง รวมอยู่ที่ 145% และในบางกลุ่มสินค้าสูงถึง 245 % เนื่องจากรัฐบาลปักกิ่งไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย จากมาตรการของทรัมป์ มีการตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน พร้อมกล่าวว่า "ทางการจีนจะไม่ตอบสนอง" ต่อ "เกมตัวเลขด้วยภาษีศุลกากร" ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอัตราภาษีของทั้งสองฝ่ายจะไม่ถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ เผยว่าได้มีการติดต่อทางการจีนตั้งแต่วันที่มีการเรียกเก็บภาษี และยังแสดงความมองโลกในแง่ดีว่าพวกเขาสามารถบรรลุข้อตกลงได้ แต่ปฏิเสธที่จะระบุลักษณะของการเจรจาระหว่างประเทศ ว่าจะเป็นการพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนโดยตรงหรือไม่
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังได้ขยายกําหนดเวลาทางกฎหมายหลายครั้ง ให้กับ ByteDance บริษัทในประเทศจีนเจ้าของ TikTok เพื่อบรรลุข้อตกลงขายแอพพลิเคชั่นวิดิโอสั้นดังกล่าวให้กลายเป็นสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ใช้งานชาวอเมริกันมากถึง 170 ล้านคน
"เรามีข้อตกลงสําหรับ TikTok แต่มันจะอยู่ภายใต้จีน ดังนั้นเราจะเลื่อนข้อตกลงออกไปจนกว่าสิ่งนี้จะได้ผลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง" ทรัมป์กล่าว