สธ.ชี้ถึงคลายมาตรการภาคบังคับแล้ว ยังต้อง "เว้นระยะห่าง" ต่อไป

สธ.ชี้ถึงคลายมาตรการภาคบังคับแล้ว ยังต้อง “เว้นระยะห่าง” ต่อไป

โควิด-19 เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่กระทรวงสผ่อนปรนาธารณสุข (สธ.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการภาคบังคับในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ว่า มาตรการภาคบังคับ 3 มาตรการที่เริ่มผ่อนคลาย ได้แก่ มาตรการที่ 1 การจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศและภายในประเทศ มาตรการที่ 2 ทยอยปิด/เปิดกิจการหรือสถานที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค มาตรการที่ 3 ประกาศห้ามออกเคหสถานเป็นบางเวลา ซึ่งมีความชัดเจนว่าจะมีการประกาศยาวไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ดังนั้นมาตรการเหล่านี้จะเริ่มค่อยๆ ทยอยผ่อนคลายไปตามสถานการณ์ และในความเป็นจริงมาตรการบางอย่างที่ได้ผ่อนคลาย ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องดำเนินการแล้ว เช่น การออกนอกเคหสถานในช่วงยามวิกาล การรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ยังคงต้องเว้นระยะห่างกันเช่นเดิม

“การสมมติฐานทั่วไปในการจัดการกับปัญหา ได้แก่ การกำจัดโรคให้หมดไปจากประเทศทำได้ค่อนข้างยาก เราสามารถควบคุมให้มีการแพร่ระบาดของโรคในระดับต่ำได้ และความเสี่ยงที่จะกลับมามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแปรผกผันกับระดับความสามารถในการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล” นพ.ธนรักษ์ กล่าว

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการจะเป็นไปตามความเสี่ยง เช่น กิจการที่มีความเสี่ยงต่ำ ก็ควรได้รับการผ่อนคลายให้เปิดได้ก่อน กิจการมีความเสี่ยงสูงควรจะทยอยต่อไป แต่ท้ายที่สุดก็จะพยายามทำให้กิจการทั้งหลายกลับมาดำเนินการได้อย่างปกติ การประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เพื่อตัดสินใจในทุกๆ 2 สัปดาห์ ว่าจะมีการเปิดกิจการใดเพิ่มเติม ทั้งนี้กิจการต่างๆ สามารถจัดการให้มีความเสี่ยงต่ำได้ เช่น ลักษณะการสัมผัส ระยะเวลาการสัมผัส ความสามารถในการระบายอากาศของสถานที่นั้นๆเช่น สวนอาหาร สวนสาธารณะ และด้านผลกระทบจะวิเคราะห์จากจำนวนผู้ที่สัมผัสเชื้อ เช่น หากคนจำนวนมากและมีผู้ป่วยเข้าไปในพื้นที่ก็จะมีผู้สัมผัสในจำนวนที่มาก และจะถือว่าเป็นสถานที่มีความเสี่ยงสูง