รีเซต

ทองวิ่ง คนก็วิ่ง! คนไทย "ตื่นทอง" แพงแต่สู้ ? กลัวตกขบวน ความต้องการสูงสุดรอบ 7 ปี

ทองวิ่ง คนก็วิ่ง! คนไทย "ตื่นทอง" แพงแต่สู้ ? กลัวตกขบวน ความต้องการสูงสุดรอบ 7 ปี
TNN ช่อง16
12 พฤศจิกายน 2568 ( 08:00 )
9

"ทองคำ" กำลังกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ที่ร้อนแรงที่สุดในปี 2568 นี้ 


แม้ราคา "ทอง" จะแพงขึ้น แต่คนก็ยังสู้ เพราะกลัวตกขบวน? เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ที่มีความต้องการทองคำแท่งเพื่อการลงทุนพุ่งสูงสุดในรอบ 7 ปี


"สภาทองคำโลก" (World Gold Council: WGC) เปิดเผยรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำประจำไตรมาสที่สามของปีนี้ 2568 โดยระบุว่าประเทศไทยมีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2562 หรือสูงที่สุดในรอบ 7 ปี สอดคล้องกับทิศทางของความต้องการทองคำโดยรวมทั่วโลกจากทุกภาคส่วน (ซึ่งรวมถึงการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์หรือ Over-the-counter: OTC) รายไตรมาสนั้นอยู่ที่ 1,313 ตัน หรือ 1.46 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และกลายเป็นไตรมาสที่มีความต้องการสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์


รายงานระบุว่า ดีมานด์ หรือความต้องการทองคำโดยรวมทั่วโลกจากทุกภาคส่วนมีการเติบโตมากขึ้น จากความต้องการด้านการลงทุนเป็นหลัก โดยคิดเป็นจำนวนเกินครึ่ง หรือ 55% ของความต้องการทองคำสุทธิทั้งหมด โดยความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 ไปแตะระดับที่ 537 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 47% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจัยสำคัญหรือแรงส่งที่ใครๆก็อยากจะถือครองทองคำจากหลายด้าน ทั้งสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความผันผวน การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และปรากฏการณ์ “FOMO”  Fear of Missing Out  ความกลัวว่าจะตกขบวน หรือความกลัวที่จะพลาดโอกาสดีๆไป ของบรรดานักลงทุนในช่วงที่ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้น


ความเห็นจาก "เซาไก ฟาน" หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก ของสภาทองคำโลก มองว่าความต้องการทองคำในไทยยังมีโอกาสที่จะไปต่อได้อีก โดยระบุว่า “แนวโน้มตลาดทองคำในประเทศไทยยังคงไปในทิศทางบวก ความต้องการทองคำได้ทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง และในสภาวะตลาดในปัจจุบันบ่งชี้ว่าอาจจะยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกด้านผลตอบแทนสำหรับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะจากการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่มีความต้องการในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 62 รายงานของสภาทองคำโลกชี้ให้เห็นว่าตลาดทองคำในประเทศไทยยังไม่อิ่มตัว ดังนั้นการถือครองทองคำเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนจึงยังคงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ”


ขณะที่แรงซื้อจากกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำ ก็ยังเพิ่มอย่างต่อเนื่องเช่นกัน นักลงทุนทั่วโลกยังคงทยอยเพิ่มการลงทุนในกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำ ที่มีทองคำแท่งเป็นสินทรัพย์อ้างอิงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สาม เพิ่มขึ้นอีก 222 ตัน คิดเป็นเงินไหลเข้าจากทั่วโลกรวมแล้วกว่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเรานับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันนี้ กองทุน ETF ทองคำมีการเพิ่มสถานะการถือครองรวม 619 ตัน (มูลค่า 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นกองทุนที่จดทะเบียนในอเมริกาเหนือมากที่สุดอยู่ที่ปริมาณ 346 ตัน ตามด้วยกองทุนในยุโรปอยู่ที่ 148 ตัน และกองทุนในเอเชีย 118 ตัน


ส่วนความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนทั่วโลกก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันถึง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา รวมแล้วอยู่ที่ 316 ตัน โดยเห็นได้ถึงการเติบโตในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดีย (92 ตัน) และจีน (74 ตัน) ตลาดทองคำในภูมิภาคอาเซียนเห็นถึงการเติบโตแบบเลขสองหลักเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ในปีก่อนหน้า


อย่างไรก็ตามเมื่อทองแท่งเพื่อการลงทุนได้รับความนิยม แต่ในทางกลับกัน ปรากฎว่าความต้องการทองคำในกลุ่มเครื่องประดับได้รับผลกระทบไม่น้อย หลังจากราคาทองคำได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 50 ครั้งในปีนี้ ในช่วงที่ผ่าน และส่งผลให้การบริโภคทองคำเครื่องประดับในไตรมาส 3 น้อยลงหรือหดตัวลงถึง 19% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดผู้บริโภครายใหญ่อย่างประเทศอินเดียและจีนจะมีการฟื้นตัวขึ้นมาได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปัจจัยตามฤดูกาลมากกว่า  เพราะเมื่อดูจากภาพรวมแล้ว หากเทียบกับปีที่ผ่านมา จะพบว่าของทั้งสองตลาดคืออินเดียและจีนยังคงอ่อนแออยู่ 


เช่นเดียวกับแนวโน้มตลาดทองคำประเทศไทย ในกลุ่มของเครื่องประดับก็ไม่ต่างกัน แม้จะมีการเติบโตถึง 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ความต้องการโดยรวมยังคงอ่อนตัวลงถึง ติดลบไปถึง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ดูจากภาพใหญ่ทั้งตลาดทั้งประเทศ รวมกับความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำแล้ว ทำให้ความต้องการทองคำของไทยยังคงแข็งแกร่งไปช่วยชดเชยความอ่อนตัวในตลาดเครื่องประดับได้ และส่งผลทำให้ความต้องการภาคผู้บริโภคโดยรวมของไทยเติบโตถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยปริมาณรวมในไตรมาส 3 อยู่ที่ 17.2 ตัน



"ธนาคารกลาง" นั่งแท่นแรงซื้อสำคัญของทองคำในปีนี้ 


ไม่ใช่แค่ประชาชนหรือนักลงทุนเท่านั้น ที่ต้องการถือครองทองคำ แต่กำลังซื้อสำคัญของตลาด ยังคงเป็นธนาคารกลางต่างๆทั่้วโลก ที่แรงซื้อไม่แผ่วลงตั้งแต่ต้นปี  


ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องยาวมาถึงในไตรมาส 3 โดยมียอดซื้อสุทธิรวม 220 ตัน ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 2 และพุ่งขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าราคาทองคำจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม แต่แรงซื้อก็ไม่แผ่วลง และเมื่อเราพิจารณาภาพรวมนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันนี้ การซื้อของธนาคารกลางสุทธิรวมอยู่ที่ 634 ตัน เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในช่วงสามปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าไม่น้อย และยังคงสูงกว่าตัวเลขก่อนปี 2565 อย่างชัดเจน


รายงานของสภาทองคำโลกระบุว่า อุปทานทองคำโดยรวมทำสถิติรายไตรมาสอยู่ที่ 1,313 ตัน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตจากเหมืองแร่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 977 ตัน ในขณะที่การรีไซเคิลทองคำเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 344 ตัน ซึ่งถือว่ายังคงมีเสถียรภาพแม้ราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม


มุมมองจาก "หลุยส์ สตรีท" (Louise Street) นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโส ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า การที่ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในไตรมาสที่สาม สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในปัจจัยต่าง ๆ ที่ผลักดันอุปสงค์ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง รวมถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางนโยบายการค้าโลก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนของตัวเอง


พร้อมดกันนี้หลุยส์ สตรีท กล่าวเสริมว่า แนวโน้มของราคาทองคำยังคงเป็นบวก เนื่องจากการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของดอลลาร์สหรัฐ การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และภัยคุกคามจากภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ (stagflation) ซึ่งส่งผลให้ความต้องการในการลงทุนเพิ่มขึ้น ทองคำได้สร้างสถิติใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในปีนี้ และสภาพแวดล้อมปัจจุบันบ่งชี้ว่าราคาทองคำอาจมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก 


มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่ ยังคงใช้ได้ดีสำหรับวันนี้เวลานี้ แม้ราคาทองจะผันผวน แต่ปีนี้ก็ยังคงพุ่งแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ต้องย้ำว่าแม้จะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ  

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง