รีเซต

ปฏิรูป 4 ด้าน โจทย์หิน "แพทองธาร" พาไทย ทะยานสู่ AEC

ปฏิรูป 4 ด้าน โจทย์หิน "แพทองธาร" พาไทย ทะยานสู่ AEC
TNN ช่อง16
20 ธันวาคม 2567 ( 13:16 )
13

"ไทยแลนด์เน็กซ์แชปเตอร์: เมื่อประเทศไทยต้องเขียนบทใหม่ในโลกที่เปลี่ยนแปลง"


ท่ามกลางความท้าทายของโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความผันผวนและการแข่งขัน นายกรัฐมนตรีแพทองธารได้ฉายภาพอนาคตของประเทศไทยในงาน Bangkok Post Forum 2024 ที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัวครั้งใหญ่ แต่คำถามสำคัญคือ เราจะเปลี่ยนผ่านจากประเทศที่เคยเน้นการผลิตจำนวนมากและอุตสาหกรรมหนัก ไปสู่การใช้จุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างไร?


จุดเด่นแรกที่น่าจับตาคือการหันมาใช้ประโยชน์จาก "ทำเลทอง" ของประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ไม่ใช่แค่การเป็นฐานการผลิตเหมือนในอดีต หากแต่จะยกระดับเป็น "สะพานเชื่อม" ระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก ผ่านโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ ทั้งรถไฟความเร็วสูง ศูนย์กลางการบิน และเครือข่ายห่วงโซ่ความเย็น แต่คำถามคือ เราจะแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นกันได้อย่างไร?


ประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการต่อยอดจุดแข็งด้านการเกษตรและอาหาร จากการเป็น "ครัวของโลก" สู่การเป็นผู้นำด้านเกษตรสมัยใหม่ที่ผสานเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ความท้าทายคือ เราจะยกระดับเกษตรกรรายย่อยซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของภาคเกษตรไทยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างไร? และจะสร้างสมดุลระหว่างการผลิตเชิงพาณิชย์กับความยั่งยืนได้อย่างไร?


การท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่จะถูกยกระดับจากการเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป สู่การเป็น "สถานที่แห่งสันติภาพและการฟื้นฟู" รวมถึงการดึงดูด Digital Nomad และผู้เกษียณอายุ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การยกระดับมาตรฐานการบริการ และการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำงานทางไกล คำถามคือ เราจะเร่งพัฒนาทั้งโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรให้ทันกับความต้องการได้อย่างไร?


การขับเคลื่อนวิสัยทัศน์นี้ให้เป็นจริง รัฐบาลวางแผนปฏิรูป 4 ด้านสำคัญ เริ่มจากการปฏิรูปกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกทางธุรกิจ ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของไทยมาโดยตลอด ตามด้วยการพัฒนาทุนมนุษย์ผ่านโครงการ One Family, One Soft Power และการฟื้นโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน เพื่อเตรียมกำลังคนรองรับอุตสาหกรรมใหม่


ด้านที่สามคือการสนับสนุนทางการเงินสำหรับนวัตกรรม โดยเฉพาะการเพิ่มเงินทุนสำหรับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูง แต่คำถามคือ เราจะสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพได้อย่างไร? และจะทำอย่างไรให้การสนับสนุนเข้าถึงผู้ประกอบการที่มีศักยภาพจริงๆ?


ด้านสุดท้ายคือการยกระดับมาตรฐานสู่ระดับโลก เพื่อสร้างแบรนด์ "Made in Thailand" ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่การยกระดับมาตรฐานมักมาพร้อมกับต้นทุนที่สูงขึ้น คำถามคือ เราจะช่วยให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ปรับตัวและแข่งขันได้อย่างไร?


สิ่งที่น่าคิดคือ การปฏิรูปทั้ง 4 ด้านนี้ต้องเดินหน้าไปพร้อมกันและสอดประสานกัน เพราะหากด้านใดด้านหนึ่งล้าหลัง ก็อาจเป็นคอขวดที่ขัดขวางการพัฒนาด้านอื่นๆ แต่การขับเคลื่อนพร้อมกันทั้งระบบเช่นนี้ จำเป็นต้องอาศัยทั้งวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน


คำถามสุดท้ายที่น่าคิดคือ การกำหนดอนาคตประเทศไทยครั้งนี้จะเป็นเพียงวิสัยทัศน์บนกระดาษ หรือจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของภูมิภาคได้จริง? คำตอบคงไม่ได้อยู่ที่นโยบายหรือการปฏิรูปเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความมุ่งมั่นและความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส และเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้เป็นความจริง




ภาพ รัฐบาลไทย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง