รีเซต

พลาสติกที่ใช้กันอยู่ทุกวัน อาจรบกวนการนอนเท่ากับคาเฟอีน

พลาสติกที่ใช้กันอยู่ทุกวัน อาจรบกวนการนอนเท่ากับคาเฟอีน
TNN ช่อง16
1 มิถุนายน 2568 ( 21:38 )
9

ท่ามกลางเทรนด์รักษ์โลก ที่รณรงค์ลดการใช้พลาสติก เพื่อลดภาวะโลกร้อน ยังมีงานวิจัยที่ออกมาตอกย้ำผลจากการใช้พลาสติกที่ไม่ใช่แค่ทำลายสิ่งแวดล้อมเท่านั้ แต่สารเคมีในพลาสติกต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน อาจทำให้นาฬิกาชีวภาพในร่างกายเพี้ยนไปถึง 17 นาที รบกวนการนอนหลับได้เทียบเท่ากับการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาแฟอื่น

งานวิจัยชิ้นนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของโลกเลยก็ว่าได้ ที่มีการศึกษาและค้นพบผลกระทบของพลาสติกต่อการนอนหลับ โดยพบว่าสารเคมีในพลาสติกที่เราใช้ทุกวันอาจไปรบกวนวงจรการนอนหลับและตื่นตามธรรมชาติของร่างกายซึ่งอิงตามการทำงานของนาฬิกาชีวิต ในลักษณะคล้ายกับกาแฟ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการนอนไม่หลับ โรคเบาหวาน ภูมิคุ้มกันมีปัญหา และร้ายแรงที่สุด โอกาสเกิดเชื้อมะเร็งก็สูงขึ้นด้วย

การศึกษาครั้งนี้ทดสอบสารเคมีที่สกัดจากท่อให้อาหารทางการแพทย์ที่ทำจาก PVC และถุงน้ำที่ทำจากโพลียูรีเทน ซึ่งคล้ายกับที่นักวิ่งระยะไกลใช้ 

วัสดุ PVC และโพลียูรีเทนเหล่านี้ยังถูกนำไปใช้ในทุกอย่าง ตั้งแต่ของเล่นเด็ก บรรจุภัณฑ์อาหาร ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์

การค้นพบครั้งแรกในโลก

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า สารเคมีในพลาสติกเหล่านี้น่าจะเข้าไปทำลายสัญญาณของเซลล์ที่ควบคุมนาฬิกาชีวภาพภายในร่างกาย ทำให้เวลาเพี้ยนไปถึง 17 นาที

มาร์ติน วากเนอร์ นักวิจัยสารเคมีพลาสติกจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์เวย์ กล่าวว่า นาฬิกาชีวภาพ "สำคัญอย่างยิ่งต่อสรีรวิทยาและสุขภาพโดยรวม" 

การศึกษานี้เป็นหนึ่งในหลักฐานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งระบุว่า พลาสติกทำให้เกิดผลเป็นพิษในหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นก็ส่งผลต่อการนอนหลับ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่สำคัญมากที่สุดของมนุษย์ ร่วมกับการกินและการออกกำลังกาย

นาฬิกาชีวภาพคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?

นาฬิกาชีวภาพ คือ ลักษณะทางชีววิทยาตลอด 24 ชั่วโมงของแต่ละคนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย มีความสำคัญระดับโมเลกุล ซึ่งเป็นตัวควบคุมความตื่นตัวและความง่วงให้สัมพันธ์กับแสงกลางวันและความมืด การเปลี่ยนแปลงจังหวะนี้เชื่อมโยงกับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคอ้วน ภาวะสมองเสื่อม และโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงปัญหาอื่นๆ

งานวิจัยครั้งนี้ ต่างจากการวิจัยเดิมอย่างไร?

การวิจัยความเป็นพิษของสารเคมีพลาสติกส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่ว่าสารเคมี เช่น ฟทาเลทและบิสฟีนอล ส่งผลกระทบต่อระบบต่อมไร้ท่อและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนอย่างไร ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะแสดงออกมา

แต่งานวิจัยใหม่นี้มองหาผลกระทบผ่านระบบทางชีวภาพที่ต่างออกไป คือ ผ่านเซลล์ โดยตรวจสอบผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อตัวรับ "อะดีโนซีน" ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการควบคุมภายในของเซลล์ที่มีส่วนในการส่งสัญญาณควบคุมจังหวะการทำงานของนาฬิกาชีวภาพ

ทำงานคล้ายคาเฟอีน แต่ต่างกัน

กระบวนการทางชีววิทยาจากสารเคมีพลาสติกส่งผลกระทบต่อร่างกาย คล้ายคลึงกับคาเฟอีน

โดยคาเฟอีน ทำให้ตัวรับอะดีโนซีนไม่ทำงาน และทำให้เราตื่น

ในขณะที่สารเคมีพลาสติก เข้าไปกระตุ้นตัวรับอะดีโนซีน แต่ผลลัพธ์คือ ทำให้เราตื่นตัว เช่นเดียวกัน

ตัวรับนี้อยู่ในสมองจะส่งสัญญาณไปยังร่างกายว่า "ขณะนี้ดวงอาทิตย์กำลังขึ้น มาเริ่มวันใหม่กัน'

เมื่อตัวรับอะดีโนซีนถูกกระตุ้นโดยสารเคมี อาจไม่ส่งข้อความได้ ทำให้กระบวนการทางสรีรวิทยาตามธรรมชาติของร่างกายล่าช้า

วากเนอร์กล่าวว่า แม้สารเคมีเหล่านี้จะไม่แรงเท่าคาเฟอีน แต่ผลกระทบต่อกระบวนการของเซลล์เกิดขึ้นเร็วกว่าผลกระทบของพลาสติกต่อฮอร์โมนมาก 

การวิจัยในขั้นตอนต่อไป

วากเนอร์กล่าวว่าขั้นตอนต่อไปคือดูว่าสารเคมีเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อปลาซีบราฟิช ซึ่งมีกระบวนการทางสรีรวิทยาในสมองที่คล้ายกับมนุษย์บางอย่างไร

ขณะที่การวิจัยในอนาคตจะศึกษาว่าสารเคมีใดในพลาสติกและ PVC ที่ส่งผลกระทบต่อวงจรการนอนตื่นมากน้อยเท่าใด 

โดยปกติแล้ว ผลการศึกษาแต่ละครั้งจะถูกนำไปใช้กดดันให้ผู้กำหนดกฎหมายออกข้อบังคับ และพยายามโน้มน้าวอุตสาหกรรมให้เอาสารเคมีเหล่านี้ออกจากพลาสติก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง