สธ.ปิดเพิ่มอีก 2 รพ.ชายแดนไทย–กัมพูชา ซ้อมอพยพผู้ป่วยเข้ม

สธ.ปิดชั่วคราวโรงพยาบาลพื้นที่เสี่ยงเพิ่มอีก 2 แห่ง ซ้อมแผนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยรองรับสถานการณ์ชายแดน

ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ทวีความตึงเครียด กระทรวงสาธารณสุขเร่งยกระดับมาตรการด้านการแพทย์ในพื้นที่เสี่ยงอย่างเร่งด่วน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งปิดโรงพยาบาลชั่วคราวเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และโรงพยาบาลโคกสูง จ.สระแก้ว ส่งผลให้จำนวนโรงพยาบาลที่ต้องปิดบริการชั่วคราวรวมเป็น 10 แห่ง ขณะที่โรงพยาบาลอีก 9 แห่ง ต้องลดบริการบางส่วน และได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกว่า 552 ราย ไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในพื้นที่เสี่ยงยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยปิดบางส่วน 7 แห่ง และปิดชั่วคราวมากถึง 173 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและประชาชน

ซ้อมแผนอพยพผู้ป่วยทุกระดับ รับมือสถานการณ์รุนแรง

ศูนย์ปฏิบัติการฯ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise) ครอบคลุมแผนอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระดับ 1 ถึง 3 โดยมีผู้บริหารระดับสูง แพทย์ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ และโรงพยาบาลศูนย์จากหลายจังหวัดเข้าร่วม เพื่อให้ระบบการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยสามารถดำเนินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

Telemedicine ฉุกเฉินรองรับผู้อพยพเกือบ 200,000 คน

กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดให้บริการ Telemedicine ฉุกเฉิน เพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีนัดตรวจและไม่สามารถเดินทางได้ รวมถึงประชาชนในศูนย์พักพิง โดยสามารถให้คำปรึกษา ตรวจประเมินอาการ และดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยไม่ต้องเคลื่อนย้าย

ปัจจุบันศูนย์พักพิงเพิ่มขึ้นเป็น 849 จุด มีผู้อพยพเข้าพักแล้ว 199,618 คน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบาง 40,786 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 28,173 คน กระทรวงฯ จัดบุคลากรทางการแพทย์ประจำศูนย์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเพิ่มทีมสนับสนุนภาคสนามจำนวนมาก เช่น

• ทีมแพทย์ฉุกเฉิน MERT/Mini-MERT 46 ทีม
• ทีมแพทย์ฉุกเฉินขั้นสูง ALS 30 ทีม
• ทีมสอบสวนโรค 108 ทีม
• ทีมอนามัยสิ่งแวดล้อม 69 ทีม
• ทีมดูแลสุขภาพจิต 96 ทีม

พบกลุ่มเสี่ยงทางจิตใจ 196 ราย ต้องดูแลใกล้ชิด

จากการคัดกรองสุขภาพจิตประชาชนใน 7 จังหวัดชายแดน รวม 19,030 ราย พบผู้มีภาวะเครียดสูงและเสี่ยงทำร้ายตนเอง 196 ราย โดยทีมจิตแพทย์ลงพื้นที่ให้การปฐมพยาบาลทางใจ และส่งต่อเข้าสู่ระบบดูแลอย่างเร่งด่วน

มาตรการทั้งหมดเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันความสูญเสีย และคงความต่อเนื่องด้านบริการสาธารณสุขในสถานการณ์ความมั่นคงที่ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา