รีเซต

การยอมเอาใจคนอื่น อาจทำให้คุณภูมิตก สุขภาพจิตเสีย การศึกษาชี้

การยอมเอาใจคนอื่น อาจทำให้คุณภูมิตก สุขภาพจิตเสีย การศึกษาชี้
TNN ช่อง16
26 กันยายน 2568 ( 07:47 )
15

“การเอาใจคนอื่นไม่ใช่ความเมตตาเสมอไปบางทีมันอาจเป็นกับดักที่พรากเราจากตัวตนที่แท้จริง”

ในโลกที่การเสียสละมักถูกยกย่องว่าเป็นคุณธรรม การเอาใจคนอื่น (People-pleasing) กลายเป็นพฤติกรรมที่ดูเหมือนเป็นสิ่งดี แต่ภายใต้เปลือกแห่งความหวังดีนั้น มันอาจกัดกร่อนสุขภาพจิตและร่างกายของคุณอย่างช้าๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัว

เมื่อการเอาใจกลายเป็นภาระเงียบ

การเอาใจคนอื่นมักเริ่มต้นจากความตั้งใจดี เช่น การรักษาความสงบ หรือการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่เมื่อคุณให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้อื่นอยู่เสมอ โดยละเลยความต้องการของตัวเอง มันจะกลายเป็น “หนี้ทางอารมณ์” ที่สะสมจนกลายเป็นภาระที่ถ่วงคุณไว้

จากงานวิจัยและรายงานทางสุขภาพจิตพบว่า

ผู้ที่มีแนวโน้มจะเอาใจผู้อื่นมากเกินไป มักประสบกับ ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์

ขาด ขอบเขตส่วนตัวที่ชัดเจน ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่สมดุล

มีความเสี่ยงต่อ ภาวะเครียดเรื้อรัง และ หมดไฟ (Burnout) สูง

การระงับอารมณ์และความต้องการของตนเองนานๆ อาจนำไปสู่ ภาวะวิตกกังวล, ภาวะซึมเศร้า หรือแม้กระทั่ง โรคภูมิต้านตนเอง

ที่แย่กว่านั้นคือ การสูญเสียตัวตน คุณอาจลืมไปว่าจริงๆ แล้วคุณต้องการอะไร ต้องการเป็นใคร หรือแม้แต่ความสุขที่แท้จริงของคุณคืออะไร

รากของพฤติกรรมเอาใจ: ความกลัว ความเจ็บปวด และการโหยหาการยอมรับ

หลายคนที่ติดพฤติกรรมเอาใจผู้อื่นมักมีพื้นฐานจากประสบการณ์ในวัยเด็ก เช่น การเติบโตในครอบครัวที่มีความคาดหวังสูง การถูกลงโทษเมื่อต่อต้าน หรือการขาดความรักแบบไม่มีเงื่อนไข สิ่งเหล่านี้ฝังแน่นให้คุณเชื่อว่าคุณมีค่า "เมื่อ" ทำให้คนอื่นพอใจเท่านั้น

แต่ความจริงก็คือ คุณมีคุณค่าในตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการยืนยันจากภายนอก

เส้นทางสู่การเยียวยา: หยุดเอาใจคนอื่น แล้วกลับมาหาตัวเอง

การเลิกพฤติกรรมเอาใจผู้อื่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันกลายเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้


ขั้นตอนสำคัญในการเปลี่ยนแปลง

ตระหนักรู้ ว่าคุณกำลังละเลยตัวเองเพื่อเอาใจใคร

กำหนดขอบเขต ที่ชัดเจนและกล้าปกป้องเวลา พลังงาน และความรู้สึกของตัวเอง

 ฝึกปฏิเสธ โดยไม่รู้สึกผิด – “ไม่” ไม่ได้แปลว่าคุณไม่ดี มันแปลว่าคุณรู้จักเคารพตัวเอง

แสดงอารมณ์และความต้องการของตัวเอง อย่างตรงไปตรงมาและอ่อนโยน

 ทำงานกับรากทางอารมณ์ ผ่านการบำบัดหรือการทำความเข้าใจตนเอง

ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง (Self-care) ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และพลังงาน

สำหรับผู้ที่มีความแตกต่างทางระบบประสาท (เช่น ADHD, ASD หรือ HSP) ยิ่งควรมีพื้นที่ที่ปลอดภัย และเครื่องมือที่ช่วยลดการกระตุ้นประสาทสัมผัส เพื่อให้สามารถดูแลตัวเองได้อย่างแท้จริง


การไม่เอาใจใคร ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนไม่ดี

มันหมายถึงการเลือกกลับมาเคารพตัวเอง และวางรากฐานให้ความสัมพันธ์เกิดจากความจริงใจ ไม่ใช่ความกลัวว่าจะไม่เป็นที่รัก

จำไว้ว่าการหยุดเอาใจคนอื่นไม่ใช่การเห็นแก่ตัว มันคือการหยุดทำร้ายตัวเอง

หากคุณรู้สึกว่าพฤติกรรมเหล่านี้กำลังส่งผลต่อชีวิตของคุณมากกว่าที่ควร อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ มันไม่ใช่การยอมแพ้ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการฟื้นคืนตัวตนที่แท้จริงของคุณเอง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง