แรงงานกัมพูชายังไม่กลับประเทศเหตุค่าแรงไทยสูงกว่า 3 เท่า
นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่มีแรงงานกัมพูชาทยอยกลับประเทศนั้น เข้าใจว่าจะเป็นแรงงานที่ทำงานตามชายแดนในลักษณะไปเช้า - เย็นกลับมากกว่า เนื่องจากในภาคการก่อสร้างยังไม่เห็นการเคลื่อนย้ายแรงงานกัมพูชากลับประเทศ ถ้าหากจะมีอาจจะเป็นแรงงานที่อยู่นอกระบบ ส่วนที่อยู่ในระบบ มีใบอนุญาตการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะยังคงอยู่ต่อ ตราบใดที่ยังไม่มียกระดับสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากค่าแรงของไทยสูงกว่าประเทศกัมพูชาถึง 3 เท่า
นายกฤษดา กล่าวว่า ปัจจุบันภาคการก่อสร้างมีแรงงานจากประเทศกัมพูชาประมาณ 200,000 คน ทั้งที่อยู่ในระบบและนอกระบบ โดยค่าแรงขั้นต่ำสำหรับผู้หญิงอยู่ที่ 360 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวัด เพราะค่าแรงจะไม่เท่ากัน แต่ถ้าหากเป็นผู้ชายค่าแรงอยู่ที่ 400 บาทต่อวันขึ้นไป และหากมีทักษะฝีมือ เช่น ช่างปูน ช่างเหล็ก ช่างเชื่อม ไฟฟ้า ช่างสี เป็นต้น ค่าแรงจะสูงขึ้นไปอีก อยู่ที่ 500-600 บาทต่อวัน
สำหรับบรรยากาศที่ด่านถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แรงงานกัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในประเทศไทย เดินทางมาวนหนังสือเดินทางที่ด่านฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าทำงานต่อในประเทศไทย หลังจากที่ถูกลดเวลาพำนักในประเทศ เหลือ 7 วัน จากเดิม 60 วัน จากสถานการณ์ความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา
แรงงานกัมพูชา ยอมรับว่า มาตรการล่าสุดที่ให้พำนักได้ 7 วัน ทำให้กระทบการทำงาน และเสียเวลาในการเดินทางมาทำหนังสือ แต่ยอมรับว่าต้องปฎิบัติตามมาตรการที่ทั้งสองประเทศประกาศ และก็ไม่กังวลที่ทางกัมพูชาประกาศรองรับแรงงานกลับประเทศ
ทั้งนี้จากข้อมูลตรวจคนเข้าเมืองด่านถาวรคลองลึก ระบุว่า หลังจากปรับมาตรการพำนัก 7 วัน และ 14 วัน สำหรับคนในพื้นที่ จ.สระแก้ว พบว่าคนไทยที่ทำงานในฝั่งปอยเปต เกือบ 1 หมื่นคน ต้องทยอย วนหนังสือเดินทาง เฉลี่ยต่อวัน 4 พันคน ส่วนแรงงานกัมพูชา มีสถิติเดินทางเข้า - ออก ประเทศไทย เฉลี่ย 6 พัน ถึง 7 พันคนต่อวัน
ขณะที่บรรยากาศที่ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา บรรยากาศกลับเงียบเหงา ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของตลาด มีความกังวล ถึงความไม่แน่นอนที่อาจนำไปสู่การปิดด่านหรือเหตุความไม่สงบ