เซเลนสกีเดินสายพบผู้นำยุโรปดันแผนสันติภาพ ระบุประเด็น "เขตแดน" ตัดสินใจยากที่สุด

เซเลนสกี แถลงหลังการพบกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสที่กรุงปารีส โดยเขาได้ร่วมการสนทนากับผู้นำยุโรปหลายคน รวมถึงสหราชอาณาจักร เยอรมนี โปแลนด์ และอิตาลี ระบุว่า ลำดับความสำคัญของยูเครนในการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามกับรัสเซียนั้น คือการรักษาอธิปไตยของประเทศและการได้รับหลักประกันด้านความมั่นคงที่เข้มแข็ง

เซเลนสกีกล่าวว่า “ประเด็นเขตแดนเป็นเรื่องที่ยากที่สุด” เนื่องจากรัสเซียยังคงเรียกร้องให้ยูเครนสละพื้นที่บางส่วนของภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกที่ยูเครนยังคงควบคุมอยู่ ซึ่งยูเครนยืนยันว่าจะไม่ยอมทำอย่างเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน ผู้เจรจาของยูเครนและสหรัฐเสร็จสิ้นการประชุม 2 วันในรัฐฟลอริดา ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขแผนสันติภาพที่หลายฝ่ายมองว่า เอื้อประโยชน์ต่อรัสเซียมากเกินไป

ทำเนียบขาวมีท่าทีเชิงบวกต่อการเจรจาเมื่อวานนี้ โดยโฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ ระบุว่ารัฐบาล “รู้สึกมองโลกในแง่ดีมาก” เกี่ยวกับโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงคราม ซึ่งเธออ้างถึงการเจรจาที่ดีกับเจ้าหน้าที่ยูเครนที่เกิดขึ้นในรัฐฟลอริดาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เซเลนสกีมีท่าทีระมัดระวังมากกว่า โดยโพสต์บน X ว่า การเจรจา “สร้างสรรค์มาก” แต่ยังมี “ประเด็นที่ยากลำบากซึ่งยังต้องหาทางออก”

สตีฟ วิตคอฟ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมการเจรจากับคณะผู้แทนยูเครน ขณะนี้เดินทางมุ่งหน้าสู่รัสเซียเพื่อพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ในวันนี้ (อังคาร) โดยมีจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยและที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมด้วย

วิตคอฟได้หารือกับเซเลนสกี, มาครง, ผู้เจรจาหลักของยูเครน รูสเตม อูเมรอฟ และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ และคาดว่าจะสรุปผลการเจรจาดังกล่าวให้ปูตินได้รับทราบ ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปูตินระบุว่า รัสเซียได้รับร่างแผนสันติภาพ จากฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่ง “อาจเป็นพื้นฐาน” สำหรับข้อตกลงยุติสงครามในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ร่างข้อตกลงขั้นต้นระหว่างสหรัฐฯ–รัสเซียที่เผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในยูเครนและทั่วยุโรป เนื่องจากนอกจากจะเอียงไปทางข้อเรียกร้องของรัสเซียอย่างมากแล้ว ยังรวมถึงการกำหนดแนวทางลงทุนทรัพย์สินรัสเซียหลายพันล้านดอลลาร์ที่ถูกสถาบันการเงินยุโรปอายัดไว้ และกำหนดเงื่อนไขการเข้าถึงตลาดอียูของยูเครนอีกด้วย

แต่มาครงกล่าวว่า “ยังไม่มีแผนสันติภาพที่สมบูรณ์ให้พูดถึงในตอนนี้” พร้อมย้ำว่าแผนใด ๆ ต้องจัดทำโดยคำนึงถึงท่าทีของยูเครนและยุโรปด้วย

บรรดาผู้นำยุโรปเร่งหาที่นั่งบนโต๊ะเจรจา หลังแผนสันติภาพรั่วไหล และได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ มีส่วนร่วมกับยุโรปในการร่างข้อตกลงใด ๆ ในอนาคต

มาครงระบุว่า ประเด็นดินแดน “สามารถตัดสินได้โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีเท่านั้น” และชี้ว่าประเด็นทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัด, หลักประกันความมั่นคง และการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ล้วนต้องเกี่ยวข้องกับประเทศยุโรป

แต่ผู้นำฝรั่งเศสยังกล่าวชื่นชมความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการยุติความขัดแย้ง ซึ่งเริ่มต้นในปี 2557 จากการผนวกไครเมียของรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2565

มาครง กล่าวอีกว่า ตอนนี้เรารอคำตอบจากรัสเซียว่า พวกเขาพร้อมจะหยุดสู้รบและทำสันติภาพหรือไม่ แต่ 3 หรือ 4 ครั้งที่ผ่านมา รัสเซียตอบว่าไม่ ดังนั้นดูเหมือนพวกเขาไม่ได้เร่งรีบ

อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา รัสเซียดูเหมือนเปิดรับความพยายามของสหรัฐในการยุติสงครามหรือหารือเรื่องหยุดยิง แต่ข้อเรียกร้องหลายข้อของรัสเซียขัดต่ออธิปไตยของยูเครนอย่างชัดเจน และเป็นสิ่งที่ยูเครนยอมรับไม่ได้

แม้ประเด็นดินแดนจะเป็นจุดขัดแย้งใหญ่ที่สุด แต่ประเด็นหลักประกันด้านความมั่นคง ก็เป็นปัญหาเช่นกัน

ยูเครนและพันธมิตรยุโรปต้องการให้ยูเครนได้รับหลักประกันความปลอดภัย เช่น การเข้าร่วม เป็นสมาชิกนาโต เพื่อป้องกันการถูกโจมตีอีกครั้งในอนาคต แต่รัสเซียคัดค้านอย่างรุนแรง และโดนัลด์ ทรัมป์ก็ไม่สนับสนุนให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโตเช่นกัน

นอกโต๊ะเจรจา สงครามยังคงดำเนินต่อไป โดยเช้าวานนี้ ขีปนาวุธรัสเซียโจมตีเมืองดนิโปร ทางตะวันออกของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 40 ราย 

เซเลนสกีกล่าวที่กรุงปารีส “เราพยายามอย่างที่สุดเพื่อยุติสงครามนี้ และทำให้มันจบลงอย่างสง่างาม รัสเซียต้องยุติสงครามที่พวกเขาเริ่มต้น นี่คือสงครามของพวกเขา และเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องยุติมัน”

ความพยายามทางการทูตล่าสุดเกิดขึ้นขณะที่เซเลนสกีกำลังเผชิญคดีคอร์รัปชันครั้งใหญ่ โดยหัวหน้าคณะทำงานของเขา อันเดรย์ เยอร์มัก ซึ่งเคยเป็นผู้นำคณะเจรจายูเครน ลาออกเมื่อวันศุกร์ หลังเจ้าหน้าที่ต่อต้านคอร์รัปชันบุกค้นบ้าน แม้เขายังไม่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีอีกสองคนก็ถูกปลดเช่นกัน