โลกจะร้อนทุบสถิติใน 5 ปี อุตุฯโลกชี้ภัยธรรมชาติเพิ่มแน่ ทั้งไฟป่า น้ำท่วม ภัยแล้งรุนแรง

วิกฤตสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนยังคงคุกคามและส่งผลกระทบกับทุกชีวิตบนโลก โดยในปี 2024 ถูกบันทึกว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุด อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นทะลุเกณฑ์ 1.5 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรก แต่รายงานสภาพอากาศประจำปีฉบับใหม่โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ระบุว่ามีโอกาสมากกว่า 80% ที่อุณหภูมิโลกจะพุ่งสูงทุบสถิติภายใน 5 ปีข้างหน้า แม้ว่าก่อนหน้านี้โอกาสที่อุณหภูมิโลกจะสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 2 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปีจะมีความเป็นไปได้น้อยมากก็ตาม
รายงานสภาพอากาศฉบับนี้ยังเน้นย้ำถึงภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม หากโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ โดยยังไม่หยุเผ้าเชื้อเพลิง น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซ และต้นไม้ โอกาสที่อุณหภูมิโลกอาจพุ่งสู่ 1.5 องศาเซลเซียสภายในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งภายใน 5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็น 86% จากเดิม 40% ในปี 2020 และทำให้โลกเดินไปสู่จุดล้มเหลวของการควบคุมอุณหภูมิโลกตามข้อตกลงปารีส
แม้โอกาสที่อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียสภายในปี 2030 จะมีเพียงแค่ 1% แต่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นและมีปัจจัยอื่นเสริมเข้ามาอย่างเช่น ปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรง หรือ ปรากฏการณ์จากกระแสลมขั้วโลก
ข้อมูลจากรายงานยังชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนไม่เคยยุติธรรม เนื่องจากแต่ละพื้นที่ไม่มีทางที่จะได้รับผลกระทบอย่างเท่าเทียมกัน อย่างที่อาร์กติกมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิในฤดูหนาวจะสูงขึ้น 3.5 เท่า ของอุณหภูมิเฉลี่ยโลก ผลที่ตามมาคือน้ำแข็งหดตัวลง ลดการสะท้อนพลังงานจากดวงอาทิตย์กลับสู่ชั้นบรรยากาศ ขณะที่ป่าแอมะซอนซึ่งเป็นป่าดิบชื้นครอบคลุมพื้นที่ 5.5 ล้านตารางกิโลเมตรและผลิตออกซิเจนให้กับโลกมากถึง 20% ก็มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภัยแล้งมากขึ้น ส่วนอีกหลายประเทศในทวีเอเชียใต้ แอฟริกาตะวันตก ยุโรปเหนือ และสหราชอาณาจักร จะเกิดฝนตกหนักเพิ่มขึ้น นำไปสู่ปัญหาน้ำท่วม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาคการเกษตร ภาคธุรกิจ การอพยพถิ่นฐาน การเกิดโรคระบาด ความขัดแย้งด้านทรัพยากร และอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 1.5 องศาเซลเซียส ยังไม่ใช่จุดจบที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นนี้เป็นเพียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวเมื่อมีปัจจัยอื่นเข้ามาเสริม โลกยังสามารถหลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนได้ หากเริ่มต้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานฟอสซิลอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนี้ สถานการณ์อาจจะยังไม่สายเกินแก้