รีเซต

สุพัฒนพงษ์ แจงแผนรับมือวิกฤตน้ำมันแพง...ยึดคาถา "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

สุพัฒนพงษ์ แจงแผนรับมือวิกฤตน้ำมันแพง...ยึดคาถา "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
มติชน
12 มีนาคม 2565 ( 08:21 )
79
สุพัฒนพงษ์ แจงแผนรับมือวิกฤตน้ำมันแพง...ยึดคาถา "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

วันที่ 12 มีนาคม กระทรวงพลังงาน แจกแจงแนวทางช่วยลดผลกระทบจากวิกฤตพลังงานทั้งน้ำมันและแก๊สที่มีราคาสูงขึ้นมาก จากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงสรุปสถานการณ์พลังงานและมาตรการรองรับผลกระทบ ว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานโลกสูงขึ้นทุกชนิด ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงที่สุดในรอบ 14 ปี ส่งผลต่อราคาขายปลีกในประเทศไม่ว่าจะเป็นน้ำมันสำเร็จรูปอย่างเบนซินและดีเซล แต่รัฐบาลยังยืนยันที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละไม่เกิน 30 บาทภายใต้กรอบวงเงินที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีอยู่ประมาณ 40,000 ล้านบาท

 

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสถานะติดลบประมาณ 23,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีเงินกู้ 30,000 ล้านบาท เข้ามาช่วงเดือนพฤษภาคม ระหว่างนี้กองทุนยังมีกระแสเงินสดสามารถใช้ดูแลราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศได้ประมาณ 20,000 ล้านบาทถึงช่วงเดือนพฤษภาคม ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 115 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากเงินกองทุนฯ หมดแล้วจะทำอย่างไรต่อไปนั้น ก็ต้องรอ ระหว่างนี้ต้องประหยัด

 

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ใช้น้ำมันเบนซิน เช่น มอเตอร์ไซด์ พยายามดูว่าจะเข้าไปช่วยเหลือโดยการจัดสรรงบประมาณเข้าไปอุดหนุนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องใช้เวลาในการศึกษาวางระบบ

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องไฟฟ้า เมื่อปลายปีที่แล้ว คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศว่าจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเป็นขั้นบันได ตามช่วงเวลาที่กำหนดคือในงวดเดือนพฤษภาคม 2565 จะปรับขึ้นหน่วยละ 16 สตางค์ ซึ่งราคานี้คำนวณอยู่บนพื้นฐานราคาพลังงาน ณ ขณะนั้น ไม่ใช่ราคา ณ ปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ ค่า FT เพิ่มขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม ทางกระทรวงพลังงาน ร่วมกับ กกพ.หามาตรการมาช่วยเหลือประชาชน โดยจะกำหนดให้ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน จ่ายค่าไฟฟ้าในราคาเดิม ซึ่งจะต้องหางบประมาณมาอุดหนุน

 

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ส่วนแก๊สหุงต้ม หรือแอลพีจี รัฐบาลตรึงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ตั้งแต่ช่วงที่โควิดระบาดใหม่ๆ ราคาแอลพีจี ในตลาดโลกช่วงนั้นอยู่ที่ประมาณ 400 คอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่วันนี้อยู่ที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน รัฐบาลจึงมีความจำเป็น ต้องปรับราคาขึ้นไปบ้าง แต่จะให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน คาดว่าจะปรับขึ้นอีกกิโลกรัมละ 1 บาท หรือถังละ 15 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ราคาแก๊สหุงต้มก็จะอยู่ที่ 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ที่รัฐบาลเป็นห่วงคือกลุ่มเปราะบาง จึงต้องจัดหางบประมาณมาเงินอุดหนุนให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน อีกเดือนละ 55 บาท ใน 3 เดือน เพิ่มจากเดิมที่ได้รับเงินอุดหนุนค่าแก๊สหุงต้มจากกระทรวงการคลังอยู่แล้ว 45 บาท

 

“ขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชน ด้วยสถานการณ์ราคาพลังงานขณะนี้ ซึ่งราคาแพงมากที่สุดในรอบ 14 ปี แม้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบียจะประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน แต่ไม่รู้ว่าจะเพิ่มเท่าไร หากไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง ราคาน้ำมันอาจจะปรับขึ้นอีกก็ได้ ดังนั้น ตนจึงต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน คนไทยทุกคนจึงต้องช่วยกันประหยัดการใช้พลังงาน ประเทศไทยเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดก็ถือว่าหนักแล้ว ยังมาเจอกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนอีก หากเราร่วมมือกันจริงๆ น่าจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง