PLANBงานโฆษณาพุ่ง ชูไฮซีซันสื่อนอกบ้าน

นายธนพร เตชวิวรรธน์ หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB เปิดเผยว่า มองภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในช่วงไตรมาส 4/2565จะขยายตัวดีขึ้นกว่าทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อน และเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับกำลังซื้อและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการกลับมาเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

ประกอบกับตามปกติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปีจะเป็นไฮซีซันของธุรกิจสื่อ OOH เพราะมีช่วงเทศกาลที่หลากหลายทำให้บรรยากาศในการกลับมาใช้จ่ายเริ่มกลับมามีความคึกคักมากขึ้น ส่งผลให้มีการใช้เงินลงทุนในสื่อโฆษณามากที่สุด โดยปัจจุบันลูกค้าเริ่มกลับมาวางแผนในการใช้เงินลงทุนในการทำการตลาดกันมากขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงมองว่าการเติบโตของผลการดำเนินงานจะกลับมาเป็นแบบ V-Shape ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 นี้

*เป้ารายได้ 5.8 พันล.

นอกจากนี้ มองว่ายังส่งผลบวกต่อธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement Marketing) ที่สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมจากการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น การแข่งขันมวยราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ (RWS) ที่จัดทุกวันศุกร์นั้น มีกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดีอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาร่วมรับชมที่สนามเพิ่มมากขึ้นหลังจากเปิดประเทศ ซึ่งการแข่งขันมวยจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงการชิงแชมป์รอบสุดท้ายในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2565

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2565จะอยู่ที่มากกว่า 5,800 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้ ออกเป็น 80% จากธุรกิจสื่อ OOH และ 20% Engagement Marketing จากเดิมที่วางไว้ 6,400-6,700ล้านบาท เพื่อสะท้อนต่อกำลังซื้อและเม็ดเงินลงทุนในสื่อที่ชะลอตัวลง และคาดว่าอัตรากำลังการผลิตสื่อในมือจะอยู่ที่ระดับ 8,600ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 8,750 ล้านบาท ตามการปิดจอที่อยู่ในมุมอับลง

*ยอดโฆษณาพุ่ง

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ PLANB จะลดลงจากไตรมาสก่อนในไตรมาส 3/2565 เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 80-90 ล้านบาท เนื่องจาก 1.มีการ Write-Off สินทรัพย์ (ป้ายโฆษณาที่ทับซ้อนกันของ PLANB และ AQUA, ต้นทุนค่าเช่าที่สูง, และพื้นที่ Blind Spot) 2.การปรับเปลี่ยนสัญญาป้ายโฆษณาจอดิจิทัลเป็นภาพนิ่ง (Static)

และ 3.ต้นทุนซ่อมบำรุงสูงขึ้นในช่วงฤดูฝน ซึ่งจะทำให้ GPM ในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 26.5% ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และทำให้กำไรสุทธิของ PLANB ในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 146 ล้านบาท (จากประมาณการเดิมที่ 165ล้านบาท) ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 16%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในงวด 9เดือนแรกปี 2565 คิดเป็น 67%ของประมาณการเต็มปีของทางฝ่าย

*ไฮซีซันหนุน

แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/2565จะถูกกดดันจากต้นทุนพิเศษบางรายการ แต่ทางฝ่ายยังคงมองบวกกับผลการดำเนินงานของบริษัทจากยอดโฆษณา OOH ที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจากเงินเฟ้อ เมื่ออิงจากประมาณการกำไรไตรมาส 3/2565ที่ปรับใหม่จะทำให้ประมาณการกำไรเต็มปีของทางฝ่ายมี Downside 3% โดยยอดโฆษณาผ่านสื่อ OOH เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนใกล้ถึงระดับก่อนโควิดระบาดแล้ว (เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน ในงวด 9 เดือนแรกปีนี้) เนื่องจากมีการทำกิจกรรมนอกบ้านเพิ่มขึ้น และฐานที่ต่ำ

ด้านยอดโฆษณาผ่านสื่อ OOH ในไตรมาส 3/2565 เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 68%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ 13% จากไตรมาสก่อน และยังดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าด้วย ทางฝ่ายเชื่อว่ายอดโฆษณาผ่านสื่อ OOH จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า จากไตรมาส 4/2565 เป็นต้นไป ตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้น และช่วง High Season ของธุรกิจนี้ ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ค่าโฆษณาของ PLANB

*ลุ้นกำไรโต 921%

ทางฝ่ายยังคาดว่าธุรกิจ Engagement Marketing จะดีขึ้นด้วย และทำให้กำไรสุทธิของ PLANB โตถึง 921% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในปี 2565 และจะโตต่อเนื่องอีก 35% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในปี 2566จาก Utilization Rate ที่เพิ่มขึ้น (เป็น 64% ในปี 2566 จาก 56% ในปี 2565) และธุรกิจ Engagement Marketing ที่ดีขึ้น ทางฝ่ายยังคงราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 8.80 บาท และคงคำแนะนำ "ซื้อ"