อาคารสีเขียว สร้างวันนี้ เพื่อโลกที่ดีกว่า

ในยุคที่โลกเผชิญกับวิกฤตภูมิอากาศอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ภาคการก่อสร้างกลับเป็นหนึ่งในตัวการหลักที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสูงที่สุดของโลก แต่ในขณะเดียวกัน ภาคส่วนนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน หากมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในด้าน “อาคารสีเขียว” หรือ Green Building
การสร้างอาคารสีเขียวไม่ได้หมายถึงแค่การปลูกต้นไม้รอบอาคาร หรือเลือกใช้วัสดุที่ดูรักษ์โลกเพียงผิวเผิน แต่ต้องเริ่มจากแนวคิดตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่การออกแบบที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมบริบทเฉพาะพื้นที่ เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ลดของเสียในกระบวนการก่อสร้าง ไปจนถึงระบบใช้น้ำ พลังงาน และการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้อาคารนั้นไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในระยะสั้นและยาว
นอกจากอาคารใหม่แล้ว ยังสามารถประยุกต์แนวทางนี้กับอาคารเก่าได้เช่นกัน โดยอาจผ่านการประเมินตามเกณฑ์อาคารสีเขียว เช่นการรับรองจากระบบจัดอันดับที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะช่วยกำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณ และติดตามผลได้จริงในระยะยาว
น่าสนใจคือ แนวทางอาคารสีเขียวในปัจจุบันได้แรงบันดาลใจอย่างมากจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของท้องถิ่นที่เคยถูกมองข้าม ตัวอย่างเช่น อาคารสีฟ้าในเมืองโชธปุระ ประเทศอินเดีย ที่ช่วยลดการดูดซับความร้อนจากแสงแดด หรือบ่อน้ำขั้นบันไดในพื้นที่แห้งแล้งที่ช่วยกักเก็บน้ำ หรือ “จาลี” (Jaali) ผนังโปร่งสองชั้นที่ระบายอากาศได้ดีในเมืองร้อน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่มนุษย์เคยอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุลมาแล้ว เพียงแต่เราอาจลืมไป
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในปัจจุบันคือวัสดุก่อสร้างที่ผลิตในพื้นที่รอบเมืองกลับสร้างผลกระทบเชิงนิเวศจำนวนมาก อีกทั้งจากรายงานของ World Resources Institute ระบุว่า กว่า 75% ของโครงสร้างพื้นฐานที่โลกจะใช้ในปี 2050 ยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น ซึ่งหมายความว่าเรายังมีโอกาสมหาศาลในการวางรากฐานแบบยั่งยืนให้กับโลกใบนี้
สิ่งหนึ่งที่ทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่อาคารสีเขียวชะงักคือ “ความเข้าใจผิด” ที่ว่าอาคารสีเขียวมีต้นทุนสูงกว่าเสมอ ทั้งที่จริงแล้ว หากมีการออกแบบที่ดีตั้งแต่ต้น อาคารสีเขียวสามารถประหยัดพลังงาน ลดค่าวัสดุ และไม่ต้องลงทุนซ่อมแซมสูงในระยะยาว อีกทั้งยังใช้วัสดุพื้นถิ่นที่หาได้ง่าย ราคาถูก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัญหาสำคัญอีกประการคือ “การขาดความตระหนักรู้” และ “ทักษะ” ในการออกแบบก่อสร้างที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราจึงจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจระดับฐานราก สร้างแรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้ด้านอาคารสีเขียว และผสมผสานเทคโนโลยีใหม่เข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืน เข้าถึงได้ และอยู่ได้นานหลายสิบปี
วันนี้ หลายประเทศเริ่มรับรองระบบอาคารสีเขียวและบรรจุไว้ในนโยบายสาธารณะ โดยใช้ระบบประเมินต่าง ๆ เป็นเข็มทิศ เช่น LEED, GRIHA, EDGE หรือ TREES ในไทย ซึ่งเน้นการออกแบบตามภูมิอากาศ คงสภาพธรรมชาติเดิม เลือกใช้วัสดุที่ไม่ทำลายป่าไม้ ลดขยะ และออกแบบให้อาคารเย็นโดยธรรมชาติผ่านระบบ passive design
อาคารที่ยั่งยืนไม่ใช่ของคนรวย หากเริ่มต้นอย่างถูกทาง เราทุกคนล้วนเข้าถึงได้ หากเราทำให้อาคารเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วันนี้ ก็เท่ากับเรากำลังวางรากฐานเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับโลกทั้งใบ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
