รีเซต

ประกันวินาศภัยปี69โตต่อ เบี้ยทะยานสู่3แสนล้านบ.

ประกันวินาศภัยปี69โตต่อ เบี้ยทะยานสู่3แสนล้านบ.
ทันหุ้น
23 ธันวาคม 2568 ( 14:03 )
2

#สมาคมประกันวินาศภัยไทย #ทันหุ้น สมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดปี 2569 ธุรกิจยังแกร่ง โตต่อเนื่องราว 2.3-3.5% เบี้ยแตะ 3 แสนล้าน และยังคงเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและภัยพิบัติที่มีความไม่แน่นอนสูง ส่วนน้ำท่วมภาคใต้ประเมินค่าสินไหมจากความเสียหายมูลค่าประมาณ 16,029 ล้านบาท

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดว่า  ธุรกิจประกันวินาศภัย ปี 2569 ยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 2.5–3.5% เมื่อเทียบกับปี 2568 ด้วยตัวเลขเบี้ยรับตรงที่ 301,000–303,900 ล้านบาท และยังคงเป็นอีกปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า ภาษีนำเข้าสหรัฐ รวมไปถึงภัยธรรมชาติที่เกิดถี่และรุนแรงมากขึ้น

“ไม่เพียงเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างสังคม หนี้สาธารณะที่ยังอยู่ระดับสูง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีล้วนเป็นความท้าทายที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับภาคธุรกิจต้องปรับตัว เพราะปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น”

                เช่น ในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็มีต้นทุนการซ่อมและอะไหล่ของรถยนต์ไฟฟ้าความถี่และความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่ส่งผลต่อประกันอัคคีภัยและ IARs ตลอดจนต้นทุนการประกันภัยต่อที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของการค้าโลกยังส่งผลต่อประกันภัยทางทะเลและขนส่ง ส่วนประกันภัยสุขภาพเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อทางการแพทย์ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่อาจกระทบต่อทิศทางการเติบโตของเบี้ยประกันภัยในแต่ละกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน จากการติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบจากมหาอุทกภัยภาคใต้ จากข้อมูลของสำนักงาน คปภ. ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2568 พบว่ามีจำนวนกรมธรรม์ที่มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนรวม 62,147 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 16,029 ล้านบาท และเมื่อรวมการประเมินความเสียหายเพิ่มเติม คาดว่ามูลค่าความเสียหายรวมจากเหตุอุทกภัยครั้งนี้จะอยู่ในช่วงประมาณ 23,000–27,000 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็น รถยนต์ที่ได้รับความเสียหายประมาณ 25,000 ถึง 30,000 คัน (เฉพาะในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ประมาณ 9,000 ถึง 12,000 คัน) มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 11,000–13,000 ล้านบาท และประกันภัยทรัพย์สินรวมประมาณ 12,000–14,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในเชิงสัดส่วนกรมธรรม์ที่ได้รับผลกระทบยังอยู่ในวงจำกัด โดยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจในพื้นที่น้ำท่วมมีสัดส่วนเพียง 6.4% และประกันภัยทรัพย์สิน 11.7% ของกรมธรรม์ทั้งหมด ซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบประกันวินาศภัยไทย โดยอุตสาหกรรมยังมีอัตราความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับสูงกว่า 200% และภาระสินไหมทดแทนหลังการประกันภัยต่ออยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ใหญ่ในอดีต

                ส่วนภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม–กันยายน) ปี 2568 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 215,103 ล้านบาท เติบโต 2.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าตลอดปี 2568 ธุรกิจจะเติบโตอยู่ในช่วง 2.0–3.0% หรือมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 292,290–295,150 ล้านบาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง