เอกซเรย์หุ้น "BH" เรื่องต้องรู้! ก่อนลงทุน
บล.กสิกรไทย ส่องหุ้น บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH คงคำแนะนำ “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 226 บาท ราคาหุ้นน่าจะสะท้อนผลประกอบการที่คาดว่าจะออกมาดีในไตรมาส 1/2566 แล้ว คาดกำไรปกติไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ 1.53 พันลบ. ลดลง 0.2% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 114% YoY การเติบโตที่แข็งแกร่ง YoY น่าจะมาจากรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้น การดำเนินงานไตรมาส 1/2566 น่าจะสะท้อนโมเมนตัมรายได้ที่ดี แต่มีแรงกดดันจากต้นทุนคงที่เพิ่มขึ้นและการประหยัดต้นทุนที่ลดลง ขณะที่การควบคุม SG&A ยังดี
ทั้งนี้ คาดกำไรปกติไตรมาส 1/2566 จะเติบโตแข็งแกร่ง YoY แต่ทรงตัว QoQ คาดว่า BH จะรายงานกำไรปกติไตรมาส 1/2566 ที่ 1.53 พันลบ. ลดลง 0.2% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 114% YoY กำไรที่ทรงตัวเชิง QoQ น่าจะมาจากรายได้ที่สูงขึ้นถูกหักลบด้วยอัตรากำไรที่ลดลง ขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเชิง YoY น่าจะได้รับแรงหนุนจากรายได้และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น กำไรปกติไตรมาส 1/2566 คิดเป็น 26% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิจัยและ 29% ของประมาณทั้งปีของตลาด
รายได้น่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ ฝ่ายวิจัยคาดรายได้รวมจะอยู่ที่ 6.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 2% QoQ และ 49% YoY รายได้ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเชิง YoY น่าจะได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ ซึ่งมีฐานต่ำในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวของจำนวนผู้ป่วยต่างชาติ ขณะที่รายได้ที่เติบโตเล็กน้อยเชิง QoQ น่าจะมาจากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นถูกหักล้างบางส่วนจากรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยที่ลดลง ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ารายได้จากผู้ป่วยชาวไทยน่าจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูกาลตรวจสุขภาพ
แต่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นน่าดำเนินต่อไปเช่นกัน ประเมินอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 46.8% ในไตรมาส 1/2566 ลดลงจาก 47.6% ในไตรมาส 4/2565 แต่เพิ่มขึ้นจาก 41.9% ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งจะเป็นการลดลงของ GPM เชิง QoQ ครั้งที่ 2 หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 48.5% ในไตรมาส 3/2565 โดย GPM ที่ลดลงเชิง QoQ น่าจะเป็นผลมาจากต้นทุนพนักงานที่สูงขึ้น เนื่องจากจานวนพนักงานเพิ่มขึ้นและสิทธิประโยชน์ของที่สูงขึ้นเช่นกัน BH ได้จ้างพยาบาลเพิ่มเพื่อสนับสนุนจำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย.2566 รวมถึงการขยายบริการอื่นๆ ขณะที่แผนการประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ น่าจะดำเนินต่อไป ระดับของการประหยัดค่าใช้จ่ายน่าเริ่มช้าลง เนื่องจากฝ่ายวิจัยคาดว่า SG&A จะยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวด EBITDA margin จะทรงตัว QoQ แต่ขยายตัว YoY เป็น 35.6% ในไตรมาส 1/2566
ควบคุม SG&A อย่างเข้มงวด ฝ่ายวิจัยคาดว่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) จะอยู่ที่ 1 พันลบ. ลดลง 4% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 16% YoY โดย SG&A ต่อรายได้รวมน่าจะอยู่ที่ 16.3% ในไตรมาส 1/2566 ลดลงจาก 17.5% ในไตรมาส 4/2565 และ 21% ในไตรมาส 1/2565 อัตราส่วน SG&A ต่อรายได้ที่ 16.3% จะอยู่ในช่วงที่ต่ำประมาณ 16-18% ในปี 2558-60
ฝ่ายวิจัยคำนวณมูลค่าหุ้น BH ด้วยวิธี DCF และ WACC ที่ 7.9% ราคาเป้าหมายปี 2566 ของฝ่ายวิจัยที่ 226.0 บาท สะท้อน PER ปี 2567 ที่ 27.9 เท่า ซึ่งอยู่ระหว่าง -1SD (21.8 เท่า) และระดับเฉลี่ย 13 ปีในอดีตของ BH (31.6 เท่า) ราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยสะท้อนอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 1.5% ในปี 2566 หากอิงจำนวนหุ้นกรณีมีการแปลงสภาพหุ้นกู้ทั้งหมด ราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยลดลง 8% มาอยู่ที่ 208.00 บาท
แนะนำ “ถือ” BH เชื่อว่าราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 5-6% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ของ BH ที่แข็งแกร่งแล้ว ราคาหุ้นซื้อขายด้วย PER ปี 2566 ที่ 31.6 เท่า และ 29.2 เท่าในปี 2567 ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 13 ปี (31.6 เท่า) และดูเต็มมูลค่า ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรปกติที่เติบโตมากกว่า 100% YoY ในไตรมาส 1/2566 น่าจะเป็นไตรมาสสุดท้าย คาดว่ากำไรปกติปี 2566 จะเติบโตที่ 21% เทียบกับ 298% ในปี 2565 และจะกลับมาโตในระดับปกติที่ 7-8% ในปี 2567-68
ทั้งนี้ BH จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ในช่วงเช้าของวันที่ 27 เม.ย. และจะจัดการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 5 พ.ค. เวลา 10.00 น. ขณะที่ upside risk ประกอบด้วยการฟื้นตัวของรายได้ต่างประเทศที่แข็งแกร่งเกินคาด และการประหยัดต่อขนาดที่ดีกว่าคาด ส่วน downside risk คือ การแข่งขันที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้