รีเซต

แทมมี่ ดักเวิร์ธ : สื่อใหญ่สหรัฐฯ หนุน-โจมตี สว.อเมริกันเชื้อสายไทยลงคู่โจ ไบเดน ศึกเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ

แทมมี่ ดักเวิร์ธ : สื่อใหญ่สหรัฐฯ หนุน-โจมตี สว.อเมริกันเชื้อสายไทยลงคู่โจ ไบเดน ศึกเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ
บีบีซี ไทย
10 กรกฎาคม 2563 ( 08:57 )
61
แทมมี่ ดักเวิร์ธ : สื่อใหญ่สหรัฐฯ หนุน-โจมตี สว.อเมริกันเชื้อสายไทยลงคู่โจ ไบเดน ศึกเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ

Getty Images

นางแทมมี่ ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ จากพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ ถูกจับตามองจากสื่อยักษ์ใหญ่หลายสำนัก หลังชื่อของเธอติดโผผู้มีโอกาสได้รับเลือกลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คู่กับนายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตที่จะท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งปลายปีนี้

ดักเวิร์ธ วัย 52 ปี ชื่อเต็มคือ พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ เป็นอดีตทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ในสงครามอิรัก ซึ่งทำให้เธอต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างหลังเฮลิคอปเตอร์ถูกโจมตี ต่อมาเธอได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะชนะเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารัฐอิลลินอยส์ในปี 2016 เธอคือชาวอเมริกันเชื้อสายไทยคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาคองเกรสของสหรัฐฯ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่คลอดลูกระหว่างดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกอีกด้วย

เธอเกิดที่กรุงเทพมหานคร พ่อเป็นทหารชาวอเมริกัน แม่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ครอบครัวของเธอโยกย้ายไปในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามหน้าที่การงานของพ่อ ทำให้เธอพูดได้ทั้ง ไทย อินโดนีเซีย และอังกฤษ

ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเฟ้นหาผู้ที่จะมาลงเลือกตั้งคู่กับนายไบเดน วัย 77 ปี ซึ่งประกาศเมื่อเดือนมี.ค. ว่า ถ้าเขาได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาจะเลือกผู้หญิงมาเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับเขา ทำให้ดักเวิร์ธ เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ถูกจับตามอง

"ผู้ที่สร้างความขุ่นเคืองให้ทรัมป์"

รายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า แม้ว่าเธอจะเป็นที่รู้จักน้อยกว่าคู่แข่งอีกหลายคน นายแฮร์รี เอ็ม รีด อดีตผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งได้ติดต่อกับทีมหาเสียงของนายไบเดนโดยตรงเกี่ยวกับการคัดเลือกผู้ที่จะมาลงเลือกตั้งคู่กับเขา เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงนี้ดักเวิร์ธ "ได้รับความสนใจอย่างมาก" และเขายังเรียกเธอว่า "ผู้หญิงที่มีเกียรติอย่างสูง" ด้วย

เธอเคยให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า ควรจะมี "การพูดคุยกันในระดับชาติ" เกี่ยวกับการรื้อถอนอนุสาวรีย์ของบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐฯ หลายคนออกไป รวมถึง จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ซึ่งเคยครอบครองทาส เรื่องนี้เองที่ทำให้ทักเกอร์ คาร์ลสัน พิธีกรช่องฟ็อกซ์นิวส์ไม่พอใจ และวิจารณ์เธออย่างรุนแรง และเห็นว่าเธอ "เหยียดหยาม" อเมริกา นอกจากนี้ยังเรียกเธอว่า "ขี้ขลาด" อีกด้วย

Getty Images

โดยนายทรัมป์ ได้แชร์คลิปของนายคาร์ลสันที่แสดงความกังขาต่อความรักชาติของดักเวิร์ธด้วย

ขณะที่แฟรงก์ บรูนี คอลัมนิสต์ของนิวยอร์กไทมส์ บอกว่า ดักเวิร์ธเป็นผู้ที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้กับทรัมป์ ได้มากกว่าผู้ที่ติดโผคนอื่น ๆ โดยเธอเป็นผู้ที่ตั้งฉายาให้ทรัมป์ว่า "นักเรียนทหารกระดูกงอก" ซึ่งเว็บไซต์ www.bustle.com ระบุว่ามีที่มาจากการที่ทรัมป์ ได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการกระดูกงอกในปี 1968 ทำให้เขาได้รับการผัดผ่อนเข้ารับใช้ชาติ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงทำสงครามเวียดนามพอดี

เธอบอกบรูนีว่า ทรัมป์เป็นพวกที่ชอบรังแกคนอื่น และสมควรได้ลิ้มลองรสชาติของสิ่งที่เขาทำกับคนอื่น

เรื่องราวชีวิตที่โดดเด่น

ดักเวิร์ธ ไต่เต้าทางการเมืองมาตั้งแต่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย ก่อนจะได้เป็นวุฒิสมาชิก ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่ 4 ของสมัยแรก ในความเห็นของบรูนีเธอจึงมาถึงจุดที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งต่อไปแล้ว และเหมาะสมที่จะได้รับคัดเลือกลงเลือกตั้งคู่กับนายไบเดน นอกจากนี้เรื่องราวที่เธอเผชิญในชีวิต ทำให้เธอโดดเด่นกว่าผู้ที่มีรายชื่อติดโผคนอื่น ๆ นั่นก็คือช่วงที่เธอรับใช้ชาติในอิรักจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด หลังจากเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กที่เธอขับอยู่ถูกโจมตีด้วยจรวดใกล้กับกรุงแบกแดดในปี 2004 และรวมถึงช่วงที่เธอฟื้นตัวกลับคืนมา หลังจากสูญเสียขาทั้งสองข้างด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=PBfdlvWG-uQ

รายงานข่าวในวอชิงตันโพสต์ระบุว่า ผู้ที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการคัดเลือกผู้สมัครอีก 2 คน บอกว่าดักเวิร์ธได้รับความสนใจจากทีมหาเสียงของไบเดน ขณะที่ฝ่ายรีพับลิกันเตรียมที่จะโจมตีผู้ที่ได้รับเลือกให้มาลงสมัครคู่กับนายไบเดนอย่างดุเดือด เพราะเชื่อว่าบุคคลนั้นน่าจะเป็นเป้าโจมตีที่ง่ายกว่าตัวนายไบเดนเอง

หลายฝ่ายคาดว่าจะมีการเปิดเผยชื่อผู้ที่ได้รับเลือกให้ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในช่วงก่อนการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตวันที่ 17 ส.ค. นี้

คู่แข่งคนสำคัญ

แต่หนทางสู่ทำเนียบขาวของดักเวิร์ธยังมีอีกหลายด่านที่ต้องฝ่าฟัน เพราะมีนักการเมืองหญิงอีกหลายคนที่มีความโดดเด่นที่อาจจะได้รับเลือกให้ลงสมัครคู่กับนายไบเดน

คามาลา แฮร์ริส วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นตัวเก็งคนหนึ่ง เธอมีประวัติการทำงานทั้งในวุฒิสภาสหรัฐฯ และสำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย เธอมาจากภูมิหลังที่หลากหลาย แม่ของเธอมาจากอินเดีย ส่วนพ่อมาจากจาเมกา เธอน่าจะเป็นตัวเลือกที่ถูกใจผู้ที่เรียกร้องให้ไบเดนเลือกผู้หญิงผิวดำมาลงเลือกตั้งคู่กับเขา นอกจากนี้สมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมากยังชื่นชมเธอ จากการที่เธอแสดงการสนับสนุนการปฏิรูปตำรวจในช่วงที่มีการประท้วงใหญ่เมื่อไม่นานนี้

เกร็ตเชน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยมีการพูดถึงเธอมากนัก จนกระทั่งช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเธอได้ออกมารับมือกับการระบาดของเชื้อ และวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลกลาง ทำให้เธอตกเป็นเป้าการโจมตีของโดนัลด์ ทรัมป์ และมีความโดดเด่นขึ้นมาในพรรคเดโมแครต

BBC

เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเสตส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สมัครรับเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เธอมีคะแนนนำในการสำรวจความคิดเห็นเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงกลางปีที่แล้ว ก่อนที่จะแผ่วลง หลังจากผู้สนับสนุนฝ่ายก้าวหน้าหันไปสนันสนุนนายเบอร์นี แซนเดอร์ส ส่วนผู้สนับสนุนสายกลางก็หันไปสนับสนุนนายพีต บูติเจิจ ผู้สมัครที่อายุน้อยกว่า

นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงในแวดวงการเมืองมีรายชื่อติดโผอีกหลายคนรวมถึง แทมมี่ บอลด์วิน วุฒิสมาชิกรัฐวิสคอนซิน เคีร์ยสเติน ซินเนมา วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนา ซูซาน ไรซ์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และมิเชล โอบามา อดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง

แทมมี่ ดักเวิร์ธ กล่าวว่า "ฉันจะทำงานหนักเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้โจ ไบเดน ได้รับเลือกตั้ง เพราะประเทศต้องการสิ่งนี้ ไม่ว่าฉันจะอยู่ตรงไหนในทีมก็ตาม"

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง