จุรินทร์สกัดตกเขียวกระเทียม สั่งเชื่อมโยงเกษตรกร-พ่อค้า รับซื้อแหล่งปลูกนำร่อง500ตัน
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้า หลังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะกระเทียม ที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดติดตามรายงานผลการรับซื้อกระเทียมปี 2563/2564 จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกระเทียม ล่าสุดกรมการค้าภายใน ได้ประสานงานผู้ประกอบการที่ลงนามตามสัญญา โดยจับคู่ 10 เอกชนผู้ซื้อกับ 8 กลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ซึ่งจะเป็นผู้ประกอบการรับซื้อกระเทียมสดและกระเทียมแห้ง
ทั้งนี้ ได้ทยอยรับซื้อกระเทียมสดตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมประมาณ 500 ตัน ราคา 13.50-14 บาทต่อกิโลกรัม และกำลังทยอยรับซื้อเรื่อยๆ โดยวันที่ 4 มีนาคม จะรับซื้อที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ผู้ประกอบการ คือ บริษัทมาตาเทรดดิ้ง บริษัทนิธิฟู้ดส์ บริษัทยิ่งไพศาลการเกษตร เป็นต้น ในส่วนกระเทียมแห้ง ใช้มาตรการชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 เพื่อให้เกษตรกรเก็บสต๊อกไว้ขายแบบแห้งให้กับผู้ประกอบการ เช่น บริษัท บีวายที ฟู้ดซัพพลาย บริษัทตะวันพืชผล บริษัทอโกรไทย ยูเนี่ยน ร้านทองคำทางบุญช่วยเครื่องต้มยำ บริษัทอุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์ และ ตลาดแม่พยอม เป็นต้น ซึ่งกระเทียมแห้งจะส่งกันในวันที่ 1 เมษายน 2564
“โครงการนี้ชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ3 ทางเกษตรกรต้องการให้จังหวัดของตนเร่งดำเนินการด้านเอกสารให้แล้วเสร็จภายในมีนาคม เพื่อเกษตรกรจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และพาณิชย์จังหวัดได้ดำเนินการเข้าคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรระดับจังหวัดแล้ว มีมติยืนยันจะดำเนินการโครงการดังกล่าวแล้ว ทั้งกระเทียมและหอมหัวใหญ่ ซึ่งเป็นพืชหัว เป็นโครงการที่เกษตรกรเก็บผลผลิตสดเพื่อเก็บสต๊อกผลิตเป็นกระเทียมแห้ง เพื่อจำหน่ายให้ผู้ประกอบการจะรับซื้อช่วงเดือนเมษายน ” นางมัลลิกา กล่าว
นางมัลลิกา กล่าวว่า มาตรการเชิงรุกนี้ นายจุรินทร์ มุ่งแก้ปัญหาเกี่ยวกับการตกเขียวและกดราคารับซื้อแค่กิโลกรัมละ 8 บาท ทำให้ต้องกำหนดมาตรการเสริมช่วงต้นฤดูกาลผลผลิตกระเทียม และออกสู่ตลาดมากสุดเดือนมีนาคม-เมษายน รวมทั้งมาตรการชะลอการขายนั้นด้วย การใช้มาตรการของกระทรวงพาณิชย์นั้นให้ผู้ประกอบการรับซื้อในจำนวนไม่ต่ำกว่า 7,000 ตันที่กระเทียมสด กก.ละ 13.50 บาท เพื่อนำร่องยกระดับด้านราคา
นางมัลลิกา กล่าวว่า แต่ละปีไทยมีผลผลิตกระเทียมสดได้ 230,000 ตัน คิดเป็นกระเทียมแห้ง 80,000 ตัน แต่การบริโภคกระเทียมแห้งภายในประเทศ 170,000 ตัน จึงต้องนำเข้ากระเทียมแห้งอีกประมาณ 60,000 ตัน โดยการนำเข้ายึดเงื่อนไขตามข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) และเสียภาษีนำเข้า 57% เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการบริโภค ขณะเดียวกันนายจุรินทร์ ได้กำชับฝ่ายความมั่นคงให้ตรวจตราสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมายเพื่อไม่ให้กระทบกับเกษตรกรด้วย