รีเซต

นักวิเคราะห์ 'ฟันธง' หุ้นไทยรอจังหวะฟื้น! ชี้เป้าหุ้นใหญ่-กลางน่าสะสมหลัง MSCI-การเมืองคลี่คลาย

นักวิเคราะห์ 'ฟันธง' หุ้นไทยรอจังหวะฟื้น! ชี้เป้าหุ้นใหญ่-กลางน่าสะสมหลัง MSCI-การเมืองคลี่คลาย
TNN ช่อง16
23 พฤษภาคม 2568 ( 15:10 )
14

คุณณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ WEALTH LIVE (23 พ.ค. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) อยู่ในช่วงรอความชัดเจน 2 ประเด็นสำคัญ คือ การปรับดัชนี MSCI ในวันที่ 30 พฤษภาคม และ สถานการณ์การเมืองในประเทศ (กรณีคุณทักษิณ วันที่ 18 มิถุนายน) ซึ่งหลังปัจจัยเหล่านี้คลี่คลาย คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวขึ้นได้ โดยมีแนวต้านหลักที่ 1,200 และ 1,230 จุด ตามลำดับ และยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2568 ที่ 1,275 จุด แนะกลยุทธ์รอจังหวะหลังปัจจัยกดดันผ่านพ้น แล้วทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาอาจปรับลงผิดปกติจากผลกระทบ MSCI โดยหยวนต้าได้คัดเลือกหุ้นเด่นที่น่าลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2568

SET รอความชัดเจน MSCI - การเมือง ก่อนฟื้นตัว

คุณณัฐพลมองว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วที่บริเวณ 1,156 จุด (ต้นเดือนเมษายน) โดยมีแนวรับทางเทคนิคสำคัญที่ 1,170 จุด ปัจจุบัน ตลาดกำลังรอปัจจัยสำคัญ 2 ประการ:

  1. การปรับดัชนี MSCI (30 พ.ค.): รอบนี้มีหุ้นไทยถูกปรับออกจากดัชนีใหญ่และหุ้นใหญ่บางตัวถูกลดน้ำหนัก ทำให้คาดว่าจะมีแรงขายจากกองทุนต่างชาติและในประเทศ (Flow Out) ราว 15,000 ล้านบาท ซึ่งกดดันราคาหุ้น นักลงทุนจึงชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูสถานการณ์
  2. สถานการณ์การเมือง (18 มิ.ย.): กรณีคุณทักษิณ ซึ่งไม่ว่าจะออกมาในทิศทางใด คาดว่าเมื่อมีความชัดเจน ตลาดจะเกิดการ "Buy on Fact" และแรงกดดันที่ทำให้ตลาดหุ้นไทย Underperform ภูมิภาคในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาจะลดลง

"ผมคิดว่าเรื่อง MSCI ผมให้น้ำหนักมากกว่าเรื่องการเมืองในประเทศ...พอปรับดัชนีแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐาน หลังจากนั้นราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานได้ดีขึ้น" คุณณัฐพลกล่าว

เป้า SET 1275 - EPS ปีนี้ 85 บาท/หุ้น

บล.หยวนต้า คงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2568 ไว้ที่ 1,275 จุด อิงประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดที่ 85 บาทต่อหุ้น (ต่ำกว่าตลาดที่คาดการณ์ไว้ที่ 90 บาท) ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงต่างๆ ไปพอสมควรแล้ว แม้ Q1/68 งบ บจ. จะออกมาดีกว่าคาด แต่คาดว่า Q2 เป็นต้นไปเศรษฐกิจจะชะลอตัว หากตลาดปรับลด EPS ลงมาเท่าหยวนต้าที่ 85 บาท จะคิดเป็น Downside ประมาณ 70 จุด ซึ่งจะทำให้กรอบล่างของดัชนีอยู่แถว 1,100 จุด ใกล้เคียงกับ Low เดิมที่ทำไว้

เปิดโผหุ้นเด่นน่าลงทุนปี 2025 (เน้นครึ่งปีหลัง):

คุณณัฐพลแนะนำให้นักลงทุนจัดลิสต์หุ้นพื้นฐานดีที่อาจได้รับผลกระทบระยะสั้นจาก MSCI เพื่อรอจังหวะเข้าซื้อหลังวันที่ 30 พ.ค. โดยหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้แก่:

  1. ADVANC: หุ้นที่ถูก MSCI ลดน้ำหนักรอบนี้ หากราคาย่อลงมาผิดปกติจะเป็นโอกาสซื้อ กลุ่มสื่อสารโดยรวมได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจำกัดและผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวดี
  2. BAM: ผลประกอบการ Turnaround คาดกำไรปีนี้+15% YoY เป็น1.8 พันล้านบาท จัดเก็บหนี้ได้ดีขึ้น
  3. BDMS: หุ้นโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม เป็น Defensive Stock ปลอดภัยจากสงครามการค้า
  4. BCPG: คาดกำไรปีนี้โตเด่น 30-40% จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในลาว (มอนซูน) ในช่วงครึ่งปีหลัง
  5. CPALL: ถูก MSCI ลดน้ำหนักเช่นกัน หากย่อตัววันที่ 30 พ.ค. จะน่าสนใจทั้งการเทรดสั้นและลงทุนยาว ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง กำไรทำ New High ต่อเนื่อง P/E ปัจจุบัน 17-18 เท่า ถือว่าถูกมาก
  6. กลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB): หากต้องการความปลอดภัย แนะ SCB เนื่องจากปันผลสม่ำเสมอ 8-9% ต่อปี
  7. 3BBGIF: คาดว่าจะกลับมาจ่ายปันผลได้ใน 2H25 เพราะเหลือขาดทุนสะสมอีกไม่มาก คาดDPU ที่ 0.6บาท Yield10%ต่อปี

ความเสี่ยงปัจจัยต่างประเทศ และกลยุทธ์โดยรวม

เรื่องหลักที่ต้องติดตามคือการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่ได้เริ่มต้น หากมีการเริ่มพูดคุยจะเป็นข่าวบวกต่อตลาด หลังจากนั้นต้องติดตามผลลัพธ์ แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้คุย ตลาดมีแนวโน้ม Sideway เพื่อรอขึ้นมากกว่ารอลุ้นปัจจัยลบ โดยรวมมองบวกระยะสั้น (พ.ค.-มิ.ย.) คาด SET ไต่ระดับเหนือ 1,200 จุด และมีโอกาสไปถึง 1,250 จุด +/- แต่ Upside หลังจากนั้นยังจำกัดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายของสหรัฐฯ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง