รีเซต

กรุ่นกลิ่นท้องนา! 'คู่รักข้าวหอม' หวนคืนผืนดิน หลังเทียนจินขจัดมลพิษ ฟื้นชีวิตระบบนิเวศ

กรุ่นกลิ่นท้องนา! 'คู่รักข้าวหอม' หวนคืนผืนดิน หลังเทียนจินขจัดมลพิษ ฟื้นชีวิตระบบนิเวศ
Xinhua
9 กันยายน 2563 ( 10:47 )
165
กรุ่นกลิ่นท้องนา! 'คู่รักข้าวหอม' หวนคืนผืนดิน หลังเทียนจินขจัดมลพิษ ฟื้นชีวิตระบบนิเวศ

เทียนจิน, 8 ก.ย. (ซินหัว) -- หลี่ซู่เจิงและอู่เวิ่นผิง ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจู้เก๋อจวง เมืองเทียนจินของจีน แต่งงานเป็นคู่ชีวิตกันมานานมากกว่า 30 ปี โดยตระกูลหลี่ปลูกข้าวเสี่ยวจ้านสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

 

หลี่ทำงานอย่างหนักและเชี่ยวชาญการปลูกข้าวอย่างมาก เมื่อยังเป็นเด็ก หลี่ใฝ่ฝันจะแต่งงานกับหญิงที่สามารถช่วยเขาทำงานในท้องนาได้ ส่วนอู่เองก็ปรารถนาจะแต่งงานกับชายที่เรียบง่ายสมถะและขยันทำงานเช่นเดียวกัน สุดท้ายด้วยการชักนำของแม่สื่อแม่ชัก ข้าวหอมหนึ่งถ้วยนำพาคนทั้งสองให้ได้มาใกล้ชิดกัน

 

"ผมมีความสุขมาก ผมคิดว่าเธอต้องหุงหาข้าวปลาและทำอาหารเก่งมาก" หลี่ซู่เจิงกล่าว

ด้านอู่เวิ่นผิง ผู้เป็นภรรยาของหลี่ กล่าวว่า "บนโต๊ะอาหารมีข้าววางอยู่ชามหนึ่ง มันส่งกลิ่นหอมหวานชวนน้ำลายสอ มันให้ความรู้สึกที่พิเศษมาก ตอนนั้นแหละที่ฉันรู้สึกได้ว่าเขาคือคนที่ฉันจะร่วมเรียงเคียงหมอน"

 

"คู่รักข้าวหอม" ในวัยหนุ่มสาวฝากความหวังไว้กับผืนนา ทว่าช่วงทศวรรษ 1990 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเทียนจิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปลูกข้าว

 

"ไม่มีน้ำให้เราผันเข้านาอีกต่อไป ทุกคนในหมู่บ้านรับรู้ ชาวบ้านรู้จากที่ประชุมว่าจะไม่มีน้ำให้เราทำนาอีก เพราะฉะนั้นเราต้องปลูกพืชที่ใช้น้ำฝนแทน เช่น ข้าวโพด" หลี่ซู่เจิงกล่าว

 

ช่วงทศวรรษ 1990 บริษัทและนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งถูกสร้างขึ้นในหลายตำบลของเมืองเทียนจิน แม่น้ำสายหนึ่งที่เคยไหลผ่านตลอดทั้งเมืองถูกเปลี่ยนเส้นทาง และทุ่งนาของหลี่ไม่มีน้ำเพียงพอจะผันน้ำเข้านาอีกต่อไป

 

ปี 1996 คู่รักข้าวหอมเริ่มปล่อยเช่าเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้อง ขณะเดียวกันกับที่พี่น้องแซ่จางในเมืองเทียนจินได้เปิดโรงงานตะปูและกลายเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ

 

จางถงจง ชาวเมืองเทียนจิน กล่าวว่า "ธุรกิจของเราทำกำไรได้ดีมากในเวลานั้น โรงงานขนาดเล็กของเราสามารถสร้างรายได้ราว 500,000-600,000 หยวน (ประมาณ 2.29-2.75 ล้านบาท) ต่อปีได้อย่างง่ายดาย"

 

อย่างไรก็ดี โรงงานตะปูและโรงงานอื่นๆ ต้องใช้พลังงานสูงมาก ส่งผลให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก

"สมัยนั้นท้องฟ้าเป็นสีขมุกขมัว ผมเปิดหน้าต่างเวลาตื่นขึ้นมาตอนเช้าไม่ได้ด้วยซ้ำ สภาพอากาศทำให้ผมแสบตา" จางถงชิ่งกล่าว

โรงงานบางแห่งยังลักลอบปล่อยน้ำเสียจากอุตสาหกรรมลงแม่น้ำ ทำให้แหล่งน้ำการเกษตรปนเปื้อนสารพิษ

 

"ผมโกรธมาก ผมบอกภรรยาของผม ทีนี้ก็จบสิ้นกันละ ผืนดินจะถูกทำลายจนสิ้นและแตกระแหง ไม่ต้องพูดถึงว่าจะปลูกข้าวหรอก" หลี่ซู่เจิงกล่าว ส่วนอู่เวิ่นผิงกล่าวว่า "ฉันออกไปดูทุ่งนาของพวกเรา ช่างน่าเศร้าอะไรเช่นนี้"

 

ปี 2017 รัฐบาลเมืองเทียนจินได้ส่งเสริมการต่อสู้กับมลพิษ และออกมาตรการที่พุ่งเป้าไปยังบริษัทมากกว่า 20,000 แห่งในเมือง โดยโรงงานตะปูของพี่น้องจางเป็นหนึ่งในนั้น

 

"แน่ละว่าความเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นเป็นไปในทางที่ดีมาก มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่เหมาะสม" จางถงชิ่งกล่าว

ปี 2017 โรงงานตะปูของพี่น้องจางได้ปิดตัวลง และเป็นปีเดียวกันกับที่ "คู่รักข้าวหอม" ได้หวนสู่อาชีพที่ตนรักมาเนิ่นนาน โดยเทียนจินประกาศแผนการสร้างพื้นที่กันชนระบบนิเวศสีเขียว ขนาด 736 ตารางกิโลเมตร ซึ่งหมู่บ้านของหลี่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่กันชนพอดี

 

"เมื่อน้ำไหลมาถึง สามีของฉันตื่นเต้นมากจนอดไม่ได้ต้องก้มลงไปวักน้ำมาดื่ม เขาบอกว่าน้ำหวานอร่อยมาก เขายินดีจนน้ำตาไหลรินลงมา ไม่ได้ล้อเล่นนะ เขาร้องไห้จริงๆ" อู่เวิ่นผิงเล่า

 

ณ ตำบลหวังเหวิ่นจวง โรงงานที่ปล่อยมลพิษ 300 แห่ง ถูกเปลี่ยนเป็นป่าไม้ 115 เอเคอร์ (ประมาณ 290.95 ไร่) ด้าน "พี่น้องตะปู" ผู้อาศัยอยู่ภายในพื้นที่กันชน ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยตำบลที่พี่น้องจางอาศัยอยู่ มีการปิดโรงงานที่ปล่อยมลพิษกว่า 300 แห่ง และพื้นที่หลายร้อยไร่ถูกเปลี่ยนให้เป็นป่า

 

"ปี 2018 หนึ่งปีหลังจากบรรดาโรงงานที่ปล่อยมลพิษถูกปิดตัวลง ปลาในแม่น้ำมีจำนวนเพิ่มขึ้น เราได้เห็นท้องฟ้าสีสดใสแต่งเต้มด้วยเมฆขาวอีกครั้งหนึ่ง" จางถงจงกล่าว

 

นอกจากนั้นรัฐบาลเมืองเทียนจินยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูแลการปลูกข้าว ซึ่งภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ หลี่ได้ปลูกข้าวด้วยกัน 5 ชนิด

ปี 2019 คู่รักข้าวหอมสร้างรายได้เกือบ 3 ล้านหยวน (ประมาณ 13.78 ล้านบาท) และจ้างลูกจ้างมาช่วยงานเกือบ 30 คน

"ขอบคุณรัฐบาล ธุรกิจของเราเริ่มเฟื่องฟูอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าชีวิตของพวกเรากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ" หลี่ซู่เจิงกล่าวทิ้งท้าย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง